วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557

นักวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม-Environmental-Analyst

นักวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม
Environmental-Analyst


นิยามอาชีพ
  ผู้ปฏิบัติงานนักวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม-Environmental-Analyst ได้แก่ผู้ทำหน้าที่ปฏิบัติงานขั้นต้นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม โดยปฏิบัติหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายและแผนงาน และกำหนดมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ให้คำปรึกษาแนะนำส่งเสริมและเผยแพร่ให้มีการป้องกันและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบ วิเคราะห์และรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโครงการพัฒนาประเภทต่างๆ ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน

ลักษณะของงานที่ทำ
  ผู้ปฏิบัติงานนักวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม-Environmental-Analystมีหน้าที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการตรวจสอบสภาพของสิ่งแวดล้อม แล้วรายงาน ต่อผู้บังคับบัญชา เช่น สำรวจ เก็บรวบรวมข้อมูล ศึกษา วิเคราะห์ วิจัยเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมประเภทต่างๆ เช่น การวิเคราะห์คุณภาพน้ำ คุณภาพอากาศ เสียง สารพิษ และอื่นๆ 
ตรวจสอบ และวิเคราะห์รายงาน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ของโครงการพัฒนา สถานประกอบการ โรงงานอุตสาหกรรม เช่น ผลกระทบจากการคมนาคมและการขนส่ง ผลกระทบจากพลังงาน ผลกระทบจากเกษตรกรรม ผลกระทบจากโรงงานอุตสาหกรรม และผลกระทบที่มีต่อพนักงานในสถานประกอบการ เพื่อนำข้อมูลไปปรับแก้ไข สิ่งที่อาจเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นแล้ว ป้องกันและให้มีการดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม 
ตรวจหาสาเหตุที่อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญของชุมชน และวินิจฉัยข้อเท็จจริง 
หาทางป้องกันแก้ไข ในกรณีที่มีปัญหาอันเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ เช่น น้ำเน่าเสีย เสียงรบกวน ฝุ่น กลิ่นเหม็น ภายใต้การกำกับและตรวจสอบโดยใกล้ชิดของกรมควบคุมมลพิษหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สภาพการจ้างงาน
  ผู้ปฏิบัติงานนักวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม-Environmental-Analystในภาครัฐจะได้เงินค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนตามวุฒิการศึกษาในอัตราเดือนละ 6,360 บาทสำหรับผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี 
ส่วนในภาคเอกชนจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนประมาณ 12,000-15,000 บาท มีสวัสดิการ โบนัส และผลประโยชน์พิเศษอย่างอื่นขึ้นอยู่กับผลประกอบการของสถานประกอบการ

สภาพการทำงาน
  ผู้ปฏิบัติงานนักวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม-Environmental-Analyst อาจจะต้องปฏิบัติงานในสถานที่ทำงานเหมือนสำนักงานทั่วไปออกตรวจบริเวณในพื้นที่และนอกบริเวณสถานประกอบการ หรือพื้นที่ที่อาจเกิดปัญหาผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม ที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการพัฒนาหรือโครงการต่างๆ ของสถานประกอบการหรือโรงงานที่ได้รับการว่าจ้าง 
ส่วนใหญ่ทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง อาจจะต้องมาทำงานวันเสาร์ วันอาทิตย์ หรือวันหยุด และอาจทำงานล่วงเวลา ในกรณีที่ต้องการให้ระบบงานเสร็จให้ทันต่อการใช้งาน

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
  ผู้ประกอบนักวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม-Environmental-Analystควรมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ 
1. ผู้ต้องการทำงานนักวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม-Environmental-Analystในภาครัฐ ต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากสาขาใดก็ได้ เช่น เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ ประชากรศาสตร์ สังคมวิทยา และมานุษยวิทยา ภูมิศาสตร์ การบริหาร การศึกษา สถิติ โบราณคดี สถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมือง การเกษตร วนศาสตร์ การประมง เคมี ชีววิทยา ฟิสิกส์ ธรณีวิทยา วิทยาศาสตร์ ทางทะเล สุขภิบาล อาชีวอนามัย สุขศึกษา โภชนวิทยา อนามัยชุมชน ฯลฯ ในภาคเอกชนส่วนมากจะรับผู้จบการศึกษาระดับปริญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ประกอบกิจการ หรือสาขาที่เกี่ยวข้องกับวิชาการสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับงานที่ต้องปฏิบัติ 
2. มีความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันในด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย 
3. มีความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอย่างเหมาะสมแก่การปฏิบัติหน้าที่ ทั้งอ่าน และเขียน 
4. มีความสามารถในการศึกษาหาข้อมูล วิเคราะห์ปัญหา และสรุปเหตุผล 
5. มีความสามารถในการเป็นผู้นำและผู้ตามได้ 
6. สามารถเดินทางไปปฏิบัติงานต่างจังหวัดได้ 
7. มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อบุคลากรในองค์กรและชุมชน 
ผู้ที่จะประกอบนักวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม-Environmental-Analyst ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้ คือ: ต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ จากสถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการรับรองวิทยฐานะ สอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในสาขาวิชาใดวิชาหนึ่งที่ตรงกับคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้น สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล หรือสถานศึกษาสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย หลักสูตรการศึกษา 4 ปี

โอกาสในการมีงานทำ
  ปัจจุบัน รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้มีการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนตามแนวแผนปฏิบัติการ 21 (Agenda 21) จากการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา ณ กรุงริโอเดอ จาเนโร เมื่อปี 1992 เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากสิ่งแวดล้อมที่เป็นภัยต่อประชากรในประเทศและต่อสังคมโดยรวม ซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาคธุรกิจอุตสาหกรรมในการพัฒนาสิ่งแวดล้อม ทั้งในระดับชาติและระหว่างประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อนโยบายพลังงาน วิธีการผลิตในภาคอุตสาหกรรมเพื่อให้มีการปรับตัวในการใช้แรงงาน และการผลิต ที่ใช้เทคโนโลยีที่สะอาด ที่ช่วยป้องกันการเกิดของเสีย การบำบัดของเสีย กำจัดของเสียที่เป็นอันตรายและการนำของเสียกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่อันเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุน การทำงานเลี้ยงชีพอย่างยั่งยืนในสภาพแวดล้อม ที่สะอาดและปลอดภัย 
ดังนั้นตลาดแรงงานในหน่วยงานของภาครัฐ เกือบทุกหน่วยสถาบันด้านวิทยาศาสตร์ภาคธุรกิจ องค์กรพัฒนาภาคเอกชน ตลอดจนชุมชนระดับท้องถิ่นมีการขยายตัวรับเจ้าหน้าที่วิเคราะห์สิ่งแวดล้อม ระดับต่างๆ เพื่อปฏิบัติงานให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่วางไว้

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
  ผู้ปฏิบัติงานนักวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม-Environmental-Analystนับว่ามีอัตราความก้าวหน้าสูง เพราะทั่วโลกให้ความสำคัญกับบุคลากรที่มีประสบการณ์ในงานด้านนี้ ผู้ปฏิบัติงานในภาครัฐเมื่อมีประสบการณ์และศึกษาเพิ่มเติมจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปตามลำดับจนถึงระดับผู้อำนวยการในภาคเอกชน ผู้มีความสามารถจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งจนถึงระดับ ผู้จัดการ ที่ปรึกษา และผู้อำนวยการ ขึ้นอยู่กับโครงสร้างการบริหารขององค์กร 
ผู้ปฎิบัติงานนักวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม-Environmental-Analystที่มีประสบการณ์ในระบบการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม (Environmental Management System (EMS) และการเป็นผู้ตรวจสอบระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม 14000 ตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมสามารถเปลี่ยนงานไปประกอบอาชีพอื่นได้ หรือปฏิบัติงานในสถานประกอบการอื่นๆ ที่ต้องการบุคลากรที่มีประสบการณ์ทางด้านนี้ เช่น เป็นวิทยากรหรือผู้อบรมระบบการบริการจัดการสิ่งแวดล้อม

อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
  วิศวกรสิ่งแวดล้อม ประกอบธุรกิจบริษัทที่ปรึกษาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ประกอบธุรกิจที่ดำเนินธุรกิจในการวางแผนระบบการกำจัดของเสียต่าง ๆ นักวิจัย เจ้าหน้าที่มูลนิธิพัฒนาเอกชน วิทยากรอบรมการจัดการสิ่ง แวดล้อม ISO 14001

แหล่งข้อมูลอื่น ๆ
  กรมควบคุมมลพิษ, กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ แหล่งจัดหางานในหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ทั้งของภาครัฐ เอกชน และองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม กรมจัดหางาน กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ หรือ คณะวิทยาศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม หรือ สาธารณสุขศาสตร์ ฯลฯ การจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย)

นักวิเคราะห์การตลาด-Marketer-Marketing-Analyst

นักวิเคราะห์การตลาด
Marketer-Marketing-Analyst


นิยามอาชีพ
  ผู้ประกอบนักวิเคราะห์การตลาด-Marketer-Marketing-Analystทำงาน เกี่ยวกับการวิเคราะห์ เพื่อการวางกลยุทธ์ในการแข่งขัน ทางการตลาด เพื่อให้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์เหนือคู่แข่งขันทางการค้า โดยอยู่ในกรอบของจรรยาบรรณ และจริยธรรม

ลักษณะของงานที่ทำ
  คาดการณ์ สถานการณ์ มองและวิเคราะห์ก่อนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ขององค์กร และการแข่งขันของคู่แข่งขัน และวางกลยุทธ์ แผนการตลาดของสินค้าในระดับชุมชนท้องถิ่น ให้ผสมผสานกับระดับโลกได้ ต้องมีวิสัยทัศน์ ในการตลาดศตวรรษที่ 21 และในเวลาเดียวกันก็ต้องหาทางบริการถึงกลุ่มเป้าหมายลูกค้าอย่างทั่วถึง โดยการใช้เครื่องมือ และ เทคโนโลยีที่มีอยู่ช่วยในการส่งข้อมูลข่าวสาร นอกเหนือจากส่วนประสมทาง การตลาด 4 Ps คือ Product Planning, Pricing, Place/Physical Distribution , Promotion and Advertising 
โดยนำข้อมูลจากทุกหน่วยงานในองค์กร คือฝ่ายวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ฝ่ายการเงินและฝ่ายการผลิต มาช่วยในการวางแผนกลยุทธ์การตลาด โดยต้องยึดหลักการให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคมากที่สุดเพื่อให้หันมาสนใจซื้อสินค้าหรือร่วมมือด้วย ในการวางสินค้าตัวใหม่ ซึ่งควรจะต้องเป็นนวัตกรรมจากวัตถุดิบในประเทศโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อช่วยในการลด ต้นทุนการผลิต 
นักการตลาดในระดับต้นจะทำงานในตำแหน่งต่างๆ ในฝ่ายการตลาดเพื่อเรียนรู้ถึงภาพตลาดโดยรวมเช่น วางแผนกิจกรรมส่งเสริมการขาย, ประชาสัมพันธ์สู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ส่งจดหมายหรือ วารสารการขาย หรือจัดทำไดเร็คเมล์สู่กลุ่มลูกค้า ทั้งขายตรงและออกร้านขายในงานเทศกาลต่างๆ จัดนิทรรศการส่งเสริมการแสดงสินค้า ทำการส่งเสริมสินค้าร่วมกับ ผู้ค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า จัดข้อมูลรวบรวมรายชื่อลูกค้า ทำหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์เก็บข้อมูลในตลาดและประสานงานกับฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ก่อนสรุปรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ 
นักการตลาด ต้องรู้ว่า ปัจจัยอะไรที่ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า เพื่อจะได้นำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์และช่วยประกอบการวางแผนกลยุทธ์การตลาดให้ดีและรัดกุมยิ่งขึ้น ต้องวิเคราะห์ตลาดเกี่ยวกับความจำเป็นและความต้องการขอผู้บริโภคและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป 
ปัจจุบันองค์กรธุรกิจต่างๆ ต่างร่วมมือกันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจอย่างไม่มีขีดจำกัดระยะทางและเวลาการผลิตและสั่งสินค้าย่นเข้าด้วยความเร็วของอินเทอร์เน็ต ดังนั้น อุปสงค์และอุปทานที่ซับซ้อนของตลาดและผู้บริโภค โดยจะใช้กระบวนการขั้นตอนในการวางแผนการตลาด ดังนี้ 
1. วางแผนการตลาด ทั้งกลยุทธ์ระยะสั้นและระยะยาว 
2. วิเคราะห์และวิจัย หากลุ่มเป้าหมายเพื่อคาดการณ์เกี่ยวกับการผลิตสินค้า กระบวนการผลิต งบประมาณที่ต้องใช้ และผลกำไรที่ควรจะได้ 
3. ปรับแผนงานและเสนอขออนุมัติจากผู้บริหาร 
4. วางแผนกิจกรรมการขายและปฏิบัติตามแผนงานการขายในด้านราคา วิธีการขาย ช่องทาง การขาย และการใช้สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ 
5. บริหารการขายและการสั่งซื้อจากลูกค้า 
6. ควบคุมดูแลการนำแผนกลยุทธ์ไปปฏิบัติ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย ที่ตั้งไว้ 
7. ติดตามประเมินผลจากข้อมูลรายงานประเมินผล ทางคอมพิวเตอร์ 
8. ออกตรวจตลาดเพื่อทำการวิจัย เพื่อพร้อมปรับแผนกลยุทธ์และกลวิธีในการปฏิบัติงานได้ทันท่วงทีและเตรียมการรณรงค์โดยการโฆษณาสินค้าอย่างต่อเนื่อง 
9. วางแผนและทำการเจาะตลาด (Market Penetration) เพื่อเพิ่มยอดขายของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในตลาดปัจจุบัน หรือชักชวนลูกค้าของคู่แข่งขันให้มาเป็นลูกค้าของตน หรือหาทางให้ผู้ที่ยังไม่ได้เป็นลูกค้ามาทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ของตน

สภาพการจ้างงาน
  สำหรับผู้เพิ่งก้าวเข้าสู่อาชีพนักการตลาดจะทำงานอยู่ในส่วนส่งเสริมการตลาดการขาย กิจกรรมส่งเสริมการตลาด ตรวจตลาดเพื่อทำการวิจัย เงินเดือนขั้นต่ำที่ได้รับประมาณ 7,500 บาท โดยมีค่ายานพาหนะให้ ทั้งนี้แล้วแต่เงื่อนไขสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ มีสวัสดิการให้ตามกฎหมายแรงงาน ส่วนโบนัส และผลประโยชน์อื่นๆ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ 
สำหรับนักการตลาดที่มีความสามารถในการวิเคราะห์การตลาดและวางแผนการตลาดขององค์กรได้อย่างชำนาญ ค่าตอบแทนจะอยู่ในระดับเดียวกับผู้บริหารระดับสูง

สภาพการทำงาน
  การวางแผนการตลาดต้องใช้ การออกตรวจตลาดทั่วประเทศ การออกเก็บข้อมูลสำหรับทำการวิจัย และการเข้าถึงลูกค้ารายบุคคล และใช้เทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารมาผสมผสานกัน ในการวางแผนการตลาด และการลดต้นทุนการผลิตลักษณะการทำงานจะต้องทำงานกันเป็นทีมใหญ่ร่วมกับฝ่ายบัญชี ฝ่ายผลิต ฝ่ายจัดจำหน่าย ฝ่ายขาย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ปัจจุบันองค์กรมีลักษณะความเป็นนานาชาติมากขึ้นในการวางแผนอาจมีการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษในที่ทำงาน 
นักวิเคราะห์การตลาดต้องบริหารเวลาเป็น เพื่อติดตามสถานการณ์ทางการตลาด อย่างสม่ำเสมออาจต้องทำงานในวันเสาร์ วันอาทิตย์ หรือวันหยุด ในการตรวจตลาดและการเจาะตลาดใหม่

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
1. สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีทางด้านการบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด เศรษฐศาสตร์ หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง 
2. มีความสนใจ ในการประเมินสถานการณ์ ทั้งของตนเอง และสถานการณ์ภายนอก 
3. เข้าใจธุรกิจการตลาดและสินค้าในระดับโลก ภูมิภาค และประเทศอย่างถ่องแท้ 
4. เป็นนักสังเกตการสถานการณ์ วิเคราะห์สถานการณ์ ต้องเข้าใจกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศ
5. ต้องรอบรู้ในสินค้าของคู่แข่งขัน 
6. มีความเป็นผู้นำและกล้าตัดสินใจในการ แก้ปัญหา 
7. รู้จักการใช้เทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารการใช้คอมพิวเตอร์ ในการทำงาน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักการตลาดรุ่นใหม่ 
8. จัดสรรทรัพยาบุคลากรให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 
9. สามารถเดินทางออกตรวจตลาดในต่างจังหวัด และต่างประเทศได้ 
10. ต้องใช้ภาษาอังกฤษได้ดี 
11. กระตือรือร้นมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีประสานงานกับหน่วยงานที่ต้องการ การสนับสนุนแผนการตลาด 
ผู้ที่จะประกอบนักวิเคราะห์การตลาด-Marketer-Marketing-Analyst ควรเตรียมความพร้อมดังนี้: สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเข้าสมัครสอบคัดเลือกศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ในคณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการตลาด คณะนิเทศศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี หลักสูตรปริญญาตรี ใช้เวลาศึกษาตามปกติ 4 ปี

โอกาสในการมีงานทำ
  แนวโน้มตลาดปัจจุบันจะเป็นของผู้ซื้อหรือบริโภคโดยแท้จริง เพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค นักการตลาดต้องมองหาตลาดเฉพาะ (Niche Market) เพื่อเจาะเข้าทุกกลุ่ม เพื่อนำสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ ไปสู่ตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี-คอมเมิร์ซ โดยไม่ลืมภูมิปัญญาไทยที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ตราสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในระดับภูมิภาคและโลก 
ขณะนี้การตลาดของโลกส่วนหนึ่งหรือมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซื้อขายกันอยู่บนอินเตอร์เน็ต ทำให้นักการตลาดต้องวิเคราะห์การตลาดจากข้อมูลการประมวลผลข้อมูลที่ออกมาจากทั้งอินเตอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ของพนักงานขาย (ที่แสดงรหัสของรายการสินค้า ในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ และทุกๆ เดือน) ซึ่งพนักงานขายสินค้าจะสั่งสินค้าด้วยระบบเทคโนโลยีอันทันสมัยจากคลังสินค้าที่ใกล้ที่สุดไปส่งให้ลูกค้า ซึ่งอาจอยู่ในบริเวณเดียวกัน หรือข้ามทวีป ดังนั้นต้องคำนึงถึงการให้ข้อมูลของสินค้าให้ผู้บริโภคทราบมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ คุณภาพต้องมาก่อนและราคาต้องย่อมเยาว์ เพราะลูกค้าสามารถทราบข้อมูลต่างๆ เหล่านี้จากโทรศัพท์มือถือพกพา นอกจากนี้ นักวิเคราะห์การตลาดควรจะตระหนักดีว่าการวิเคราะห์วางแผนออกสินค้าตัวใหม่ๆ นั้น จะมีสมาคมคุ้มครองผู้บริโภคเข้ามาดูแลผลประโยชน์ของผู้บริโภค อีกทั้งกลุ่มองค์กร เอ็นจีโอต่างๆ ทั้งใน และนอกประเทศ ที่ตั้งเครือข่ายประสานงานเพื่อแลกเปลี่ยนรายงานข้อมูลในกรณีที่ผู้บริโภคถูกเอาเปรียบ และเสียประโยชน์จากการซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีเงื่อนไขทางการค้าที่กำหนดโดยองค์การระหว่างประเทศ และประเทศคู่ค้า เช่น องค์การการค้าโลก (WTO) และการตัดต่อพันธุกรรมพืช เป็นต้น 
เนื่องจากการแข่งขันทางการค้าทั้งภายในและต่างประเทศมีความรุนแรงมากขึ้นนักวิเคราะห์ การตลาดที่มีความสามารถและมีประสบการณ์ยังเป็นที่ต้องการขององค์กรธุรกิจ 
ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการตลาด เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและสามารถใช้ทางด่วนข้อมูลข่าวสารได้ จะเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานอย่างมาก ในยุคของการก้าวเข้าสู่ธุรกิจ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
  นักการตลาดในระดับต้นต้องสั่งสมเรียนรู้ประสบการณ์ในหน้าที่ต่างๆ ของแผนกอย่างครบถ้วน ซึ่งต้องรู้และเข้าใจธรรมชาติของตลาดอุปโภคและบริโภค แล้วยังต้องรู้จักธรรมชาติผลิตภัณฑ์สินค้าแต่ละตัว ขององค์กร ต้องมีความคิดในการผลิตสินค้าที่เป็นนวตกรรม ซึ่งอาจใช้เวลาเรียนรู้ประมาณ 2 - 3 ปี จากนั้นควรเข้ารับการอบรมการทำแผนทางการตลาด และแผนธุรกิจ เพื่อให้มีความรู้ขึ้นเป็นระดับผู้ช่วยผู้จัดการหรือผู้จัดการของแต่ละฝ่าย การเป็นผู้จัดการของทางการตลาดของแผนก หรือเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดขององค์กรได้ ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 5 -10 ปี นักการตลาดที่มีความสามารถจะได้รับความก้าวหน้าเป็นกรรมการผู้จัดการในองค์กรธุรกิจที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือหน่วยงานที่มีแม่ข่ายอยู่ในต่างประเทศ

อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
  นักประชาสัมพันธ์ พนักงานขาย นักการวิจัยทางการตลาด วิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค เจ้าหน้าที่ฝ่าย วางแผนการผลิต ฝ่ายขายโฆษณา ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ ผู้จัดการตราผลิตภัณฑ์

แหล่งข้อมูลอื่น ๆ
  หลักสูตรอบรมเพิ่มทักษะทางการตลาดจากสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย เว็บไซต์การหางานต่างๆ และเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ การจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย)

นักวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์-System-Analyst

นักวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์ 
System-Analyst



นิยามอาชีพ
  ผู้ปฏิบัติงานนักวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์-System-Analyst ได้แก่ ผู้วิเคราะห์ปัญหา และนำมาเปลี่ยนให้เป็นรูปที่เหมาะสมสำหรับการประเมินค่าด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ รวมถึงการวางแผนงาน การสั่ง การทบทวนโครงการประมวลผลโดยคอมพิวเตอร์ และการจัดทำรายงานเกี่ยวกับโครงการที่ทำไปแล้ว พิจารณานำระบบคอมพิวเตอร์มาใช้ช่วย ในการดำเนินงาน นักวิเคราะห์ระบบงาน ต้องพิจารณาทั้งการนำเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ (Hardware) โปรแกรมควบคุมระบบ/โปรแกรมอื่นๆ (Software) ระบบเครือข่าย (Network) และบุคลากร (People) มาใช้งานอย่างเหมาะสม

ลักษณะของงานที่ทำ
  นักวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์ เริ่มงานโดยการหาข้อมูล ศึกษาและค้นหาปัญหาหรือความต้องการขององค์กรจากผู้บริหาร ความต้องการของผู้ใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ ต้องเข้าใจเป้าหมายของแต่ละระบบงานขององค์กร กำหนดเป้าหมายของการทำงานของระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์ ค้นหาปัญหาของการทำงานและแบ่งปัญหาต่างๆ ให้เป็นไปตามกระบวนการทำงานย่อย เพื่อสะดวกในการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์และการแก้ปัญหา
วิเคราะห์ระบบคอมพิวเตอร์และการแก้ปัญหา ผู้วิเคราะห์ระบบคอมพิวเตอร์จะใช้เทคนิคของการวิเคราะห์แบบโครงสร้าง สร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ จำลองแบบข้อมูล วิศวกรรมด้านข้อมูลข่าวสาร การสุ่มตัวอย่าง และหลักการบัญชีต้นทุน เพื่อวางแผนในการทำงานออกแบบขั้นตอนในการทำงาน
ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลที่จะนำเข้ามาในระบบคอมพิวเตอร์ ออกแบบรายงานของคอมพิวเตอร์ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้และฝ่ายบริหารเพื่อประกอบการตัดสินใจ นักวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์ อาจจะต้องทำข้อมูลเปรียบเทียบการได้เปรียบในการใช้โปรแกรมหรือระบบที่ตนได้พัฒนาขึ้นเสนอต่อผู้บริหารเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนในการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ใหม่นั้น
ประมาณการค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบนั้นๆ ให้กับฝ่ายบริหารในการตัดสินใจ เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว นักวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์ ต้องทดสอบให้มั่นใจว่าโปรแกรมหรือระบบปฏิบัติการที่ได้รับอนุมัตินั้น ทำงานได้จริงตามที่ได้ออกแบบไว้ จากนั้นต้องออกแบบรายละเอียดงานที่ต้องการ ตลอดจนขั้นตอนของการทำงานต่างๆ ของผู้เขียน โปรแกรมคอมพิวเตอร์
นักวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์ต้องทำงานร่วมกับผู้เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อหา ข้อบกพร่องของโปรแกรม ทดสอบโปรแกรมที่โปรแกรมเมอร์ เขียนขึ้นวิเคราะห์ และแนะนำผู้เขียนโปรแกรมในการทำงาน อธิบายความต้องการของแต่ละขั้นตอนของการทำงานของคอมพิวเตอร์ให้กับผู้เขียนโปรแกรม และทดสอบโปรแกรมที่เขียนขึ้นใหม่ว่าสามารถเข้ากันได้กับระบบเดิมที่มีอยู่แล้วได้หรือไม่
นักวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์ต้องวิเคราะห์ระบบเครือข่ายต่างๆ เช่น LAN (Local Area Network) WAN (Wide Area Network) Internet หรือ Intranet เพื่อให้การสื่อสารระหว่างบุคคลในองค์กรเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม ผู้วิเคราะห์ระบบคอมพิวเตอร์ ต้องจำลองแบบเครือข่าย (Network) ทดสอบประสิทธิภาพในการทำงาน หาช่องโหว่ของระบบความปลอดภัยของ ข้อมูล (Security) และวิธีการป้องกันการลักลอบเข้ามาในระบบโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต วิเคราะห์การใช้ฮาร์ดแวร์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสมกับเครือข่าย (Network) ขององค์กร

สภาพการจ้างงาน
  ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีใหม่ๆ ถ้าทำงานกับธุรกิจเอกชนจะมีรายได้อยู่ระหว่าง 12,000 - 16,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับความสามารถและประสบการณ์ของแต่ละคนในระหว่างการศึกษาว่าได้ฝึกฝนด้วยตนเอง หรือ ฝึกงานกับองค์กรใด ได้ตรงกับสายงานที่ตนได้งานนั้นๆ หรือไม่ เงินเดือนสูงสุดอาจขึ้นไปได้ถึง 80,000 บาท หลังจากนั้นต้องมีการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นไป อนึ่งส่วนมากผู้ที่มีความรู้ สูงกว่าปริญญาตรีจะไม่สนใจงานประเภทนี้ เพราะเห็นว่าไม่ใช่งานสำหรับผู้บริหาร
โดยปกติ นักวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์ ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง เว้นแต่มีงานเร่งด่วนและจำเป็นก็อาจจะต้องทำงานมากกว่าวันละ 8 ชั่วโมง แต่ก็จะได้รับค่าตอบแทนการทำงานตามระเบียบหรือหลักเกณฑ์ที่ แต่ละองค์กรจะกำหนดขึ้น

สภาพการทำงาน
  ส่วนใหญ่ทำงานในสำนักงานมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายเช่นสำนักงานทั่วไป มีออกไปติดต่อต่างสำนักงานบ้างเป็นครั้งคราวตามความจำเป็นทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง แต่การทำงานล่วงเวลาเป็นเรื่องปกติในนักวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์-System-Analyst อาจจะต้องมาทำงานในวันเสาร์ อาทิตย์ เพราะความต้องการที่เร่งรีบให้ทันกับการใช้งาน ในวันปกติทั่วไปของแผนกอื่น
การนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ อาจจะเป็นอันตรายต่อสายตาได้ การที่ต้องพิมพ์บนแป้นพิมพ์นานๆ อาจจะมีปัญหาทางด้านปวดข้อมือปวดแขน และการนั่งตัวตรงนานๆ ก็จะทำให้ปวดหลังได้

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
1. มีทักษะในการวิเคราะห์และการแก้ปัญหา
2. มีทักษะทางด้านคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษดี
3. มีทักษะในการติดต่อสื่อสารและมีมนุษยสัมพันธ์ดี
4. มีทักษะในการควบคุมลูกน้องได้ดี
5. สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีทางด้านคอมพิวเตอร์เป็นอย่างน้อย และมีความรู้ในการเขียนภาษาคอมพิวเตอร์
ผู้ที่จะประกอบนักวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์-System-Analyst ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้ : ต้องเป็นผู้ที่ศึกษารายวิชาในหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายครบตามเกณฑ์ที่กำหนดทั้งหลักสูตรการศึกษาในโรงเรียนและหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียนให้ศึกษารายวิชาต่างๆ เทียบเท่าเกณฑ์ สำหรับหลักสูตรการศึกษา ในโรงเรียน สำหรับวิชาวิทยาศาสตร์ให้แสดงหลักฐานว่าได้ศึกษาภาคปฎิบัติการเทียบเท่าหลักสูตรการศึกษาในโรงเรียน (มหาวิทยาลัยบางแห่งไม่รับเทียบเท่า ปวช. ปวท. และปวส.)

โอกาสในการมีงานทำ
  ด้วยการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีใหม่ๆเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา นายจ้างมีความจำเป็นต้องการจ้างงานผู้ที่มีความรู้ทางด้านเทคโนโลยีใหม่ๆนี้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่จะมีการว่าจ้างนักวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์อิสระที่มีความชำนาญเฉพาะด้านมาทำงานให้กับองค์กรเป็นงานๆ ไป เช่น ตกลงให้มารับทำเป็นโครงการ หรือตกลงเวลาเป็นปี หรือจำนวนเดือนที่แน่นอน เพราะเมื่อจบโครงการแล้ว นายจ้างไม่จำเป็นต้องจ้างนักวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์อีกต่อไป แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีใหม่ก็ว่าจ้างนักวิเคราะห์ระบบงานมาดำเนินการอีก
ผู้ประกอบนักวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์-System-Analystต้องปรับตัวรับความรู้และเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เช่นในขณะนี้ การค้าทางอินเตอร์เน็ตกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีทางด้านโทรศัพท์มือถือกำลังออก Technology WAP Protocol มา สนับสนุนอินเตอร์เน็ตแล้ว ดังนั้นการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทางด้านเทคโนโลยีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ที่ประกอบนักวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์-System-Analyst ต้องเข้ารับการอบรม สัมมนาเพื่อรับรู้เทคนิคใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีความต้องการจ้างงานสำหรับคนทำงานที่มีความรู้ทางด้านการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี ยิ่งการพัฒนาทางด้านคอมพิวเตอร์ซับซ้อนยุ่งยากมากขึ้นเท่าใดความต้องการก็เพิ่มสูงมากขึ้นอย่างรวดเร็วตามไปด้วย
ผู้ที่มีประสบการณ์ทางด้านธุรกิจมาแล้วและมีความสามารถทางด้านการวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์ จะมีโอกาสหางานได้ง่ายกว่าผู้ที่มีประสบการณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์อย่างเดียว

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
  ผู้ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ระบบการทำงาน การทำงบประมาณรายจ่ายขององค์กร การควบคุมลูกน้องได้ดี และมีทักษะในการสื่อสารดีจะมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายคอมพิวเตอร์ หรือผู้จัดการฝ่ายคอมพิวเตอร์ และเป็นผู้บริหารขององค์กรในที่สุด
สำหรับผู้ที่รักอาชีพอิสระสามารถจัดตั้งกิจการของตนเองเพื่อเป็นที่ปรึกษาทางด้านคอมพิวเตอร์ให้กับองค์กรต่างๆ ที่ไม่ต้องการมีค่าใช้จ่ายที่แน่นอนกับการจ้างพนักงานประจำและ ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงเทคโนโลยีตลอดเวลา

อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
  อาชีพที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานเป็นระบบ เช่น คอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ นักวิเคราะห์ด้านการเงิน นักสถิติ นักวิเคราะห์ โครงการ นักวิเคราะห์ด้านการบริหาร เป็นต้น

แหล่งข้อมูลอื่น ๆ
  NECTEC สถาบันการศึกษา สมาคมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย การจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย)

นักโลหะกรรม-Metallurgists

นักโลหะกรรม-Metallurgists


นิยามอาชีพ
  ผู้ปฎิบัติงานนักโลหะกรรม-Metallurgists ได้แก่ผู้ทำการวิจัย เพื่อพัฒนาวิธีการผลิตโลหะจากสินแร่ รวมทั้งการตรวจสอบคุณสมบัติของโลหะและโลหะผสม เพื่อพัฒนาวิธีการเปลี่ยนโลหะและโลหะผสมให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ต่อไป

ลักษณะของงานที่ทำ
1. พัฒนาและควบคุมวิธีการผลิตโลหะจากสินแร่ 
2. ศึกษาปัญหาเกี่ยวกับการผลิตโลหะจากสินแร่ เพื่อพิจารณากำหนดกรรมวิธีการผลิตโลหะให้ได้คุณภาพและปริมาณสูง 
3. พิจารณาอุณหภูมิ ส่วนผสม และตัวแปรอื่นๆ ที่ใช้ในกรรมวิธีการผลิต 
4. ค้นหากรรมวิธีต่างๆ ที่จะปรับปรุงวิธีการผลิตให้ได้ผลดียิ่งขึ้น 
5. ควบคุม และประสานงานการปฎิบัติงานของผู้ปฎิบัติงานในหน่วยงานผลิตต่างๆ 
6. อาจมีความชำนาญในเรื่องเหล็กหรือโลหะอื่นที่มิใช่เหล็ก หรือมีความชำนาญในโลหะเฉพาะอย่าง 
7. ควบคุม และส่งเสริมการประกอบโลหะกรรมตามกฎหมายว่าด้วยแร่ 
8. ศึกษาวิจัยทางโลหะวิทยา เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมโลหะ และเป็นแหล่งข้อมูลด้านโลหะ 
9. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย

สภาพการจ้างงาน
  สำหรับบุคลากรในนักโลหะกรรม-Metallurgists จะมีรายได้ในลักษณะเงินเดือนซึ่งจะเป็นอัตราเงินเดือนตามการจ้างงานตามวุฒิการศึกษา โดยมีรายได้ในตำแหน่งวิศวกรโลหะกรรม ที่สำเร็จการศึกษาวุฒิปริญญาตรีและไม่มีประสบการณ์ในการทำงานดังนี้ 
    ประเภทองค์กร    เงินเดือน 
         ราชการ            6,360 
      รัฐวิสาหกิจ           7,210 
         เอกชน      11,000 - 13,000 

ส่วนใหญ่ทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง อาจจะต้องมาทำงานวันเสาร์ วันอาทิตย์ วันหยุดหรือทำงานล่วงเวลาในกรณีที่ต้องการให้งานที่ได้รับมอบหมายเสร็จทันต่อการใช้งาน นอกจาก ผลตอบแทนในรูปเงินเดือนแล้วในภาครัฐวิสาหกิจและเอกชนอาจได้รับผลประโยชน์พิเศษอย่างอื่น เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินสะสม เงินช่วยเหลือ สวัสดิการในรูปต่างๆ เงินโบนัส เป็นต้น

สภาพการทำงาน
  ผู้ประกอบนักโลหะกรรม-Metallurgists ทำงานในสถานที่ทำงานที่มีสภาพเหมือนสถานที่ทำงานทั่วไป คือ เป็นสำนักงานที่มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกเช่นสำนักงานทั่วไป สำหรับบางหน่วยงานที่ตรวจสอบ ทดลอง หรือวิจัยต้องปฏิบัติการในห้องปฎิบัติการทางวิทยาศาสตร์ หรือทดสอบอุปกรณ์ที่วิจัยในภาคสนาม ต้องมีความละเอียดรอบคอบ เนื่องจากอาจจะเกิดอันตรายจากการทดสอบ หรือวิจัยงาน

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางวิทยาศาสตร์ หรือวิศวกรรม สาขาวิชาโลหะกรรม 
2. มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบคิดค้นประดิษฐ์ 
3. มีความรับผิดชอบในหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย 
4. มีบุคลิกดี มนุษยสัมพันธ์ดี รักความก้าวหน้า 
5. มีความขยันและอดทน 
6. มีความคิดกว้างไกล เพราะนักโลหะกรรม-Metallurgistsจะทำงานที่ต่อเนื่องเพื่อให้การปฏิบัติงานทางโลหะกรรมสำเร็จตามที่ตั้งใจในชิ้นนั้นๆ 
ผู้ที่จะประกอบนักโลหะกรรม-Metallurgists ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้ : ต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สายวิทยาศาสตร์หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพจากสถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการรับรองวิทยฐานะ มีคะแนนสูงในวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ เพื่อสอบเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาโดยใช้ระยะเวลาการศึกษา 4 ปี เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะได้รับปริญญาตรีวิทยาศาสตร์บัณฑิตหรือวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาโลหะกรรม

โอกาสในการมีงานทำ
  ผู้ที่สำเร็จการศึกษาด้านนี้ สามารถที่จะติดตามการรับสมัครงานตามหน่วยงาน กรม กองต่างๆ แล้วพิจารณาว่าตนเองมีคุณสมบัติตามที่ต้องการหรือไม่ เช่น กรมทรัพยากรธรณี มหาวิทยาลัยต่างๆ กระทรวงศึกษาธิการ กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ กรมอนามัยสิ่งแวดล้อม สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ หรืออาจจะเข้าทำงานในภาคเอกชนในสถานประกอบการที่ผลิต โลหะภัณฑ์ 
ผู้ประกอบนักโลหะกรรม-Metallurgists โดยความเป็นจริงแล้วมีความต้องการมาก แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ และนักโลหะกรรม-Metallurgistsส่วนใหญ่ทำงานกับหน่วยงานของราชการ ทำให้ความต้องการค่อนข้างน้อย เนื่องจากงบประมาณมีจำกัดการเข้าสู่ตลาดแรงงานส่วนใหญ่จะทดแทนอัตราที่ว่างลง มีอัตราใหม่ไม่มากนักนอกจากตำแหน่งที่เป็นสาขาขาดแคลนเท่านั้น 
อย่างไรก็ตามอาชีพการเป็นอาจารย์ในระดับอุดมศึกษาจะดีที่สุด เพราะเป็นที่ต้องการของสถาบันการศึกษาทุกสถาบัน เนื่องจากประเทศไทยยังขาดแคลนบุคลากรด้านนี้อยู่มาก

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
  ผู้รับราชการเป็นครูหรืออาจารย์สอน หรือทำงานวิจัยในกรม กองและสถาบันค้นคว้าและวิจัย ซึ่งจะมีโอกาสก้าวหน้าในระดับผู้บริหาร หรือศึกษาต่อในระดับปริญญาโทหรือเอกเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว อาจทำงานเป็นอาจารย์หรือทำงานในหน่วยงานภาครัฐ โดยทำงานในหน่วยงานปฏิบัติการวิจัยทางโลหะ สำหรับผู้ที่ชอบประดิษฐ์ ค้นคว้า อาจคิดค้นประดิษฐ์เครื่องมือ เครื่องใช้ นำมาผลิตออกเป็นผลิตภัณฑ์จำหน่ายเป็นอุตสาหกรรมได้

อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
  ครูอาจารย์ นักฟิสิกส์ วิศวกร

แหล่งข้อมูลอื่น ๆ
  สถาบันอุดมศึกษาในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย การจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย)

นักฟิสิกส์-Physicists

นักฟิสิกส์-Physicists


นิยามอาชีพ
  ผู้ปฎิบัติงานนักฟิสิกส์-Physicists ได้แก่ผู้ทำงานเกี่ยวกับการสอบสวนปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ ทำงานวิจัย ทดสอบ ทดลอง และวิเคราะห์ เพื่อนำกฎทางฟิสิกส์มาใช้ในงานทางอุตสาหกรรม ทางการแพทย์ และงานด้านอื่นๆ

ลักษณะของงานที่ทำ
  1. ตรวจสอบปรากฎการณ์ทางฟิสิกส์ และกฎทางฟิสิกส์มาใช้ในทางปฎิบัติ 
2. ทำการวิจัยขั้นมูลฐาน เกี่ยวกับปรากฎการณ์ทางฟิสิกส์ ในแขนงต่างๆ เช่น กลศาสตร์ ความร้อน เสียง แสง ไฟฟ้า และแม่เหล็ก อิเล็กทรอนิกส์ และอะตอม เพื่อค้นหากฎขั้นมูลฐานของวิชาฟิสิกส์ 
3. ทำการวิจัยประยุกต์ และพัฒนาวิธีการปฎิบัติในห้องปฎิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคุณสมบัติ และปรากฎการณ์ต่างๆ ในแขนงวิชาเหล่านี้ 
4. นำหลักทางวิทยาศาสตร์ขั้นมูลฐานมาใช้ในด้านอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องอุปกรณ์เกี่ยวกับการวัดที่ละเอียด และแม่นยำ 
5. ออกแบบ และสร้างเครื่องวิทยุ ทรรศนอุปกรณ์ และการทดสอบทางฟิสิกส์ของวัตถุต่างๆ 

สภาพการจ้างงาน
  สำหรับบุคลากรในนักฟิสิกส์-Physicistsจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนตามวุฒิการศึกษาโดยมีรายได้ ขั้นต่ำในตำแหน่งนักฟิสิกส์ ที่สำเร็จการศึกษาวุฒิปริญญาตรีและไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน ดังนี้ 
    ประเภทองค์กร       เงินเดือน 
        ราชการ                6,360 
      รัฐวิสาหกิจ              7,210 
        เอกชน            9,000-12,000 

ส่วนมากทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง อาจจะทำงานล่วงเวลา ทำงานวันเสาร์ วันอาทิตย์ วันหยุด หรือในกรณีที่ต้องการให้งานที่ได้รับ มอบหมายเสร็จให้ทันต่อการใช้งาน นอกจาก ผลตอบแทนในรูปเงินเดือนแล้วในภาครัฐวิสาหกิจและเอกชนอาจได้รับผลประโยชน์พิเศษอย่างอื่น เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินสะสม เงินช่วยเหลือ สวัสดิการในรูปต่างๆ เงินโบนัส เป็นต้น

สภาพการทำงาน
  ผู้ประกอบนักฟิสิกส์-Physicists ทำงานในสถานที่ทำงานที่มีสภาพเหมือนสถานที่ทำงานทั่วไป คือเป็นสำนักงานที่มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกเช่นสำนักงานทั่วไป สำหรับบางหน่วยงานที่ตรวจสอบ ทดลอง หรือวิจัยต้องปฏิบัติการในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ หรือทดสอบอุปกรณ์ที่วิจัยในภาคสนาม ต้องมีความละเอียดรอบคอบ เนื่องจากอาจจะเกิดอันตรายจากการทดสอบ หรือวิจัยงาน

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
  1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาฟิสิกส์ 
2. มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบประดิษฐ์ คิดค้น 
3. มีความรับผิดชอบในหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย 
4. มีบุคลิกดี มนุษยสัมพันธ์ดี รักความก้าวหน้า 
5. มีความขยันและอดทน 
6. มีความคิดกว้างไกล เพราะนักฟิสิกส์-Physicistsจะทำงานที่ต่อเนื่องเพื่อให้การปฏิบัติงานทางฟิสิกส์สำเร็จตามที่ตั้งใจในชิ้นนั้นๆ 
ผู้ที่จะประกอบนักฟิสิกส์-Physicists ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้ : ผู้สำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทยาศาสตร์หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพจากสถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการรับรองวิทยฐานะมีคะแนนสูงในวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ เพื่อสอบเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาโดยใช้ระยะเวลาการศึกษา 4 ปี เมื่อสำเร็จการศึกษา แล้วจะได้รับปริญญาตรีวิทยาศาสตร์บัณฑิต (วทบ. สาขาฟิสิกส์)

โอกาสในการมีงานทำ
  ผู้ที่สำเร็จการศึกษาด้านนี้ สามารถที่จะติดตามการรับสมัครงานตามหน่วยงาน กรม กองต่างๆ แล้วพิจารณาว่าตนเองมีคุณสมบัติตามที่ต้องการหรือไม่ เช่น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมแพทย์ทหารบก มหาวิทยาลัยต่างๆ กระทรวงศึกษาธิการ กรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ กรมอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอุตุนิยมวิทยา กองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ กองฟิสิกส์หลักฐาน สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กองทัพบก กองทัพเรือและกองทัพอากาศ หรืออาจจะเข้าทำงานในภาคเอกชน ในสถานประกอบการผลิต ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการวัด ที่ละเอียดและแม่นยำ 
โดยความเป็นจริงแล้ว มีความต้องการนักฟิสิกส์มาก แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ และนักฟิสิกส์ส่วนใหญ่ทำงานกับหน่วยงานของราชการ ทำให้ความต้องการค่อนข้างน้อย เนื่องจากงบประมาณมีจำกัด และเป็นการจ้างหรือบรรจุงานเพื่อทดแทนอัตราที่ว่างลงส่วนอัตราใหม่มีไม่มากนัก อย่างไรก็ตามการเป็นอาจารย์ในระดับอุดมศึกษาจะดีที่สุด เพราะเป็นที่ต้องการของสถาบันการศึกษาทุกสถาบัน เนื่องจากประเทศไทยยังขาดแคลนบุคลากรด้านนี้อยู่มาก

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
  ผู้รับราชการเป็นครูหรืออาจารย์สอน หรือทำงานวิจัยในกรม กอง และสถาบันค้นคว้าและวิจัยจะมีโอกาสก้าวหน้าในระดับผู้บริหาร หรือถ้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโทหรือเอกจนสำเร็จการศึกษา ก็สามารถทำงานเป็นอาจารย์หรือทำงานในหน่วยงานภาครัฐ โดยทำงานในหน่วยงานปฏิบัติการวิจัยทางฟิสิกส์ สำหรับผู้ที่ชอบประดิษฐ์ ค้นคว้า อาจคิดค้นประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้ นำมาผลิตออกเป็นผลิตภัณฑ์จำหน่ายเป็นอุตสาหกรรมได้

อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
  ครูอาจารย์ วิศวกร

แหล่งข้อมูลอื่น ๆ
  สถาบันอุดมศึกษาในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย การจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย)

นักเทคนิคการแพทย์-นักเทคโนโลยีการแพทย์-Medical-Technologist

นักเทคนิคการแพทย์-นักเทคโนโลยีการแพทย์ 
Medical-Technologist


นิยามอาชีพ
  ผู้ปฏิบัติงานนักเทคนิคการแพทย์-นักเทคโนโลยีการแพทย์-Medical-Technologist ได้แก่ผู้ทดลองในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ และช่วย นักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับชีวิต ด้วยการนำเทคนิคใหม่ๆ มาใช้แก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับชีวิต รวมถึงการทดสอบตัวอย่างที่ได้จากร่างกายคนไข้ เช่น เลือด ของเหลวในร่างกาย เนื้อ ปัสสาวะ อุจจาระ ทำงานประจำวันเกี่ยวกับการเขียนป้ายติดของตัวอย่างและการบันทึกข้อมูลที่สำคัญๆ ตั้งเครื่องมือเครื่องใช้ เช่น เครื่องระบบแรงหนีศูนย์ เครื่องเพาะ เครื่องทำระเหย เครื่องกวน เครื่องฆ่าเชื้อโรคด้วยความร้อน หรืออ่างน้ำ เพื่อใช้ในกรรมวิธีการทดสอบและงานวิเคราะห์ เตรียมการเพาะเชื้อ จากตัวอย่าง เลือกเครื่องมือที่เหมาะสม และใช้วิธีการดำเนินการตามแบบมาตรฐาน ตรวจพิสูจน์เชื้อบักเตรีที่เพาะไว้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ และด้วยการกำหนดความต้องการและปฏิกริยาของการเพาะที่มีต่อสื่อ จัดเตรียมสื่อการเพาะสีและ ตัวกระทำตามสูตรมาตรฐานทำการทดลองเป็นพิเศษ เช่นความรู้สึกทางปฏิชีวนะ การรวมกันและการผลักหรือการแยกออกจากกัน

ลักษณะของงานที่ทำ
  ทำการวิเคราะห์ทางเคมีทั้งด้านคุณภาพ และปริมาณ เกี่ยวกับของเหลวและการไหลซึมใน ร่างกายมนุษย์เพื่อหาข้อมูลสำหรับใช้ในการวินิจฉัยและการรักษาโรค 
ทดสอบตัวอย่างที่ได้จากร่างกายมนุษย์ เช่น ปัสสาวะ เลือด ของเหลวจากไขสันหลัง น้ำย่อยในกระเพาะอาหาร เป็นต้น เพื่อให้ทราบถึงสารที่เกิดขึ้นและปริมาณของสารซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ภายใน ร่างกายมนุษย์ และสัตว์ ตลอดจนสิ่งพลอยได้อื่นๆ เช่น น้ำตาล ธาตุไข่ขาว และ อซิโทน เป็นต้น 
ทดสอบสารเคมี ยารักษาโรค และยาพิษ ใส่ตัวกระทำลงในสิ่งที่จะทดสอบ ให้ความร้อน กรองหรือเขย่าสารละลายตามวิธีการ และบันทึกลักษณะการเปลี่ยนแปลงของสี หรือการตกตะกอนผสมสิ่งที่จะทดสอบกับสารมาตรฐาน หรือตรวจสอบสารละลายเคมี โดยใช้ โฟโตมิเตอร์ สเปกโตรกราฟ หรือเครื่องวัดสี เพื่อพิจารณาหาปริมาณของสาร 
ทำหน้าที่วิเคราะห์ วิจัย โดยใช้เทคโนโลยีทางห้องปฏิบัติการ เพื่อนำผลการวิเคราะห์ไปใช้ประโยชน์ในการประเมินสุขภาพ การวินิจฉัยโรค การทำนายความรุนแรงของโรค การติดตามผลการรักษาการป้องกันโรคและความพิการการสนับสนุนการรักษา การวิเคราะห์สารพิษสารปนเปื้อนต่างๆ ในร่างกายมนุษย์ และสิ่งแวดล้อมรวมทั้งการควบคุมคุณภาพการพัฒนาและวิเคราะห์ลักษณะงานเทคนิคการแพทย์สาขาต่างๆ ได้แก่ 
1. เคมีคลีนิก 
2. จุลชีววิทยาคลีนิก 
3. ภูมิคุ้มกันวิทยาคลีนิกและธนาคารเลือด 
4. จุลทรรศน์ศาสตร์คลีนิกและโลหิตวิทยา 
นักเทคนิคการแพทย์จะเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างใน 4 สาขา ดังกล่าว ได้แก่ การเก็บสิ่งส่งตรวจที่ได้มาจากร่างกายมนุษย์ เก็บรักษาสิ่งส่งตรวจ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการตรวจวิเคราะห์เพื่อทราบชนิดและปริมาณของสิ่งที่ส่งตรวจ โดยใช้วิธีการที่เป็นมาตรฐานในห้องปฏิบัติการทั่วไป เพื่อนำผลที่ได้ไปใช้ประโยชน์กับผู้ป่วย 
นอกจากนี้ยังรับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูล จัดทำรายงานผลการตรวจวิเคราะห์ และการทดสอบต่างๆ ควบคุมดูแลการใช้งานและการเก็บรักษาเครื่องมือ ตลอดจนการตรวจสอบการประกัน คุณภาพ และสามารถถ่ายทอดความรู้ ให้คำปรึกษาแก่ผู้ร่วมงาน บุคลากรสาขาอื่น และประชาชนทั่วไปได้อย่างถูกต้อง

สภาพการจ้างงาน
  นักเทคนิคการแพทย์ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินรายเดือน ซึ่งแตกต่างกันไปตามความรู้และความชำนาญ สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ไม่มีประสบการณ์จะมีรายได้ ดังนี้ 
    ประเภทองค์กร        เงินเดือน 
         ราชการ                6,360 
         เอกชน          12,000 - 15,000 

ส่วนใหญ่ทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง อาจต้องมาทำงานวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดหรือทำงานล่วงเวลา อาจต้องมีการจัดเวรอยู่ประจำโรงพยาบาล นอกจากผลตอบแทนในรูปเงินเดือนแล้วในภาครัฐวิสาหกิจและเอกชนอาจได้รับผลตอบแทนในรูปอื่น เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินสะสม เงินช่วยเหลือสวัสดิการในรูปต่างๆ เงินโบนัส เป็นต้น สำหรับผู้ที่สำเร็จเทคนิคการแพทย์ที่มีเงินทุนสามารถประกอบธุรกิจส่วนตัวด้วยการเปิดห้องแล็ปเพื่อตรวจ และวิเคราะห์สิ่งส่งตรวจ รายได้ที่ได้รับขึ้นอยู่กับความสามารถ และความอุตสาหะ

สภาพการทำงาน
  นักเทคนิคการแพทย์ต้องทำงานในห้องทดลอง ต้องอยู่กับสารเคมีที่ต้องใช้ในการทดสอบกับ สิ่งส่งตรวจซึ่งอาจจะเป็น ปัสสาวะ อุจจาระ เลือด เป็นต้น ซึ่งผู้ที่จะประกอบนักเทคนิคการแพทย์-นักเทคโนโลยีการแพทย์-Medical-Technologistต้องไม่รังเกียจต่อการที่ต้องทดสอบสิ่งส่งตรวจดังกล่าวในข้างต้น นักเทคนิคการแพทย์ต้องระมัดระวัง การติดเชื้อที่ปนเปื้อนมากับสิ่งส่งตรวจ รวมทั้งสารเคมีใน ห้องปฏิบัติการทดลองอาจจะมีปฏิกิริยาที่ทำให้เป็นอันตรายได้ ดังนั้นจึงต้องทำงานตามขั้นตอนและการป้องกันตามระเบียบที่กำหนดไว้

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาเทคนิคการแพทย์ 
2. เป็นผู้ใฝ่รู้ ติดตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว 
3. ฝึกฝนตนให้มีความชำนาญในการตรวจวินิจฉัยที่ตัวผู้ตรวจเองต้องมีความรู้ในการตัดสินใจ 
4. รู้จักเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ ให้เหมาะสม 
5. เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบในการออกรายงานผลการตรวจ 
6. เป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ดี ทั้งกับผู้ที่มารับการตรวจและผู้ร่วมงานทั้งภายในและภายนอก 
7. มีความสามารถในการแก้ปัญหาในการปฏิบัติงานในทุกกรณีด้วยการใช้ปัญญา 
8. มีคุณธรรมและจริยธรรมมีจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ 
9. มีความสุขุมรอบคอบเยือกเย็น อดทน ชอบช่วยเหลือเสียสละ 
10. ทำงานมีระเบียบแบบแผนและสามารถพัฒนาความรู้ในการทำงานให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ 
11. ไม่มีความพิการหรือโรคที่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษาและการประกอบวิชาชีพ เช่น ตาบอดสี เป็นต้น 
12. มีพื้นฐานความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในด้านเคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา รวมทั้งคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี 
13. มีบุคลิกดี มีความเชื่อมั่นในตนเอง สามารถปรับตัวในการทำงานและการให้ความร่วมมือกับบุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับ 
ผู้ที่จะประกอบนักเทคนิคการแพทย์-นักเทคโนโลยีการแพทย์-Medical-Technologist ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้ : ผู้ที่ต้องการจะเป็นนักเทคนิคการแพทย์ต้องสำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทยาศาสตร์ และสมัครสอบในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาโดยทบวงมหาวิทยาลัยจะต้องศึกษาระดับปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาเทคนิคการแพทย์ จากมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนที่เปิดสอนหลักสูตรนี้ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นต้น ใช้เวลาการศึกษาตามหลักสูตร 4 ปี เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วต้องขอขึ้นทะเบียนประกอบโรคศิลป์สาขาเทคนิคการแพทย์ สำหรับค่าใช้จ่ายในการศึกษาของมหาวิทยาลัยของรัฐ ปีละประมาณ 55,000 - 60,000 บาท

โอกาสในการมีงานทำ
  ผู้ที่สำเร็จปริญญาตรีวิทยาศาสตร์บัณฑิต(เทคนิคการแพทย์) และได้ขอรับใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์สาขาเทคนิคการแพทย์ สามารถสมัครงานในภาครัฐในตำแหน่งนักเทคนิคการแพทย์ โดยปฏิบัติหน้าที่ ในห้องปฏิบัติการชันสูตรในโรงพยาบาลต่างๆ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัย กองทัพ องค์การและสถาบันวิจัยต่างๆ 
สำหรับผู้ที่สนใจทำงานในภาคเอกชนสามารถสมัครงาน ตามโรงพยาบาลเอกชนห้องปฏิบัติการ ศูนย์แล็ปต่างๆ บริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ตลอดจนโรงงานอุตสาหกรรม นักเทคนิคการแพทย์-นักเทคโนโลยีการแพทย์-Medical-Technologistยังเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานเนื่องจากยังขาดแคลนบุคลากรด้านนี้ โดยเฉพาะในระดับภูมิภาค ที่ไกลความเจริญ 
ปัจจุบัน ทบวงมหาวิทยาลัยได้จัดให้สาขาเทคนิคการแพทย์ เป็นสาขาวิชาชีพขาดแคลน ซึ่งสถาบันต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องเพิ่มจำนวนการผลิตนักเทคนิคการแพทย์ และผู้ประกอบวิชาชีพนี้ จะได้รับเงินเพิ่มพิเศษนอกเหนือจากเงินเดือน

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
  ผู้ประกอบนักเทคนิคการแพทย์-นักเทคโนโลยีการแพทย์-Medical-Technologistสามารถได้รับการเลื่อนขั้นและเลื่อนตำแหน่งได้ตามผลงาน ประสบการณ์และอายุงานที่ปฏิบัติ โดยตำแหน่งสูงสุดสามารถขึ้นได้ถึงระดับบริหารในหน่วยงานนั้น นักเทคนิค การแพทย์สามารถหารายได้พิเศษ โดยปฏิบัติงานในห้องทดลองในศูนย์แล็ปต่างๆ และสามารถศึกษาต่อระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ทั้งใน และต่างประเทศได้หลายสาขา เช่น สาขาเทคนิคการแพทย์ พยาธิวิทยาคลีนิค จุลชีววิทยา ชีวเคมี พยาธิชีววิทยา สรีรวิทยา พิษวิทยา นิติวิทยาศาตร์ เทคโนโลยีชีวภาพ อายุรศาสตร์เขตร้อน วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น หรืออาจจะเปลี่ยนไปเรียนสาขาอื่นเช่น ปริญญาโททางธุรกิจ หรือเข้าศึกษาแพทย์ เมื่อสำเร็จการศึกษาสามารถประกอบอาชีพเป็นอาจารย์สอนในสถาบันที่เปิดสอนหลักสูตรเทคโนโลยีการแพทย์ได้

อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
  นักเทคโนโลยีเกี่ยวกับเนื้อ นักวิเคราะห์เมล็ดพืช นักผสมเทียม

แหล่งข้อมูลอื่น ๆ
  สมาคมเทคนิคการแพทย์ การจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย)

นักชีววิทยา-Biologist

นักชีววิทยา-Biologist


นิยามอาชีพ
  ผู้ปฏิบัติงานนักชีววิทยา-Biologist ได้แก่ผู้ที่ทำงานด้านชีววิทยา สัตววิทยา และงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกันในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ หรือโดยการปฏิบัติงานในสนามแล้วนำสิ่งที่ค้นพบต่างๆ มาใช้สำหรับป้องกันโรค หรือบำรุงรักษา และส่งเสริมอนามัยให้แก่สุขภาพอนามัยแก่ชีวิตสัตว์และพืช รวมถึงการศึกษาเกี่ยวกับการกำเนิด พัฒนาการโครงสร้างและสรีรวิทยาการกระจายกรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์ภายในระหว่างกัน การจัดประเภทและรูปการมูลฐานของชีวิตพืชและสัตว์ การศึกษากรรมวิธีทางเคมี ที่เกี่ยวกับสัตว์ พฤกษชาติ และการนำสิ่งที่ค้นพบต่างๆ มาใช้แก้ปัญหาเกี่ยวกับการรักษาโรค งานทางอุตสาหกรรม และงานอื่นๆ

ลักษณะของงานที่ทำ
  1. ศึกษาในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ หรือจากของจริงตามธรรมชาติ เกี่ยวกับกำเนิด พัฒนาการ โครงสร้างและสรีรวิทยา การกระจายกรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม ความสัมพันธ์ภายในระหว่างกัน การจัดประเภทและรูปการมูลฐานของชีวิตพืชและสัตว์ และนำสิ่งที่ค้นพบมาใช้แก้ปัญหาทางยารักษาโรค การเกษตร และปัญหาอื่นๆ ซึ่งมีผลกระทบกระเทือนต่อชีวิต 
2. วางแผนการทดลอง เดินทางไปศึกษาที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของพืชและสัตว์ หรือเก็บรวบรวม ตัวอย่างต่างๆ เพื่อมาศึกษาในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ 
3. ผ่าและศึกษาตัวอย่างโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ เคมีภัณฑ์ วิธีการถ่ายภาพ วัตถุและอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์อื่นๆ 
4. ให้ชื่อ จัดประเภท และเก็บรักษาตัวอย่างไม่ให้เสียหาย 
5. เตรียมตัวอย่างที่เก็บรวบรวมได้มาให้ชื่อและศึกษาถึงพัฒนาการของโรคต่างๆ และศึกษาเพื่อใช้ในวัตถุประสงค์อื่นๆ 
6. ทำการวิเคราะห์เชิงสถิติในข้อมูลที่ได้จากการทดลองและทำรายงานผลการวิเคราะห์ 
7. อาจทำการทดลองเกี่ยวกับพืชและสัตว์ของตนเอง อาจนำผลที่ได้จากการทดลองมาใช้ให้เป็นประโยชน์เชิงเศรษฐกิจแก่ชีวิตมนุษย์

สภาพการจ้างงาน
  ผู้ปฏิบัติงานนักชีววิทยา-Biologistได้รับค่าตอบแทนการทำงานเป็นเงินเดือนตามวุฒิการศึกษา นักชีววิทยาที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีซึ่งไม่มีประสบการณ์ในการทำงานจะได้รับเงินเดือนในอัตรา ดังนี้ 
    ประเภทองค์กร          เงินเดือน 
        ราชการ                   7,040 
      รัฐวิสาหกิจ                 8,500 
        เอกชน             12,000 - 15,000 

ทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง แต่อาจจะต้องทำงานวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุด หรือทำงาน ล่วงเวลา ในกรณีที่ต้องการให้งานที่ได้รับมอบหมายเสร็จทันต่อการใช้งาน 
นอกจากผลตอบแทนในรูปเงินเดือนแล้วในภาครัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนอาจได้รับผลประโยชน์พิเศษอย่างอื่น เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินสะสม เงินช่วยเหลือสวัสดิการในรูปต่างๆ เงินโบนัส เป็นต้น

สภาพการทำงาน
  ผู้ประกอบนักชีววิทยา-Biologist ปฏิบัติงานในสถานที่ทำงานเหมือนสำนักงานทั่วไป หรือปฏิบัติงานใน ห้องปฏิบัติการทดลอง เพื่อปฏิบัติงานทดสอบและทดลองทางวิทยาศาสตร์ อาจสำรวจบริเวณในพื้นที่ที่ได้รับมอบหมายเพื่อเก็บข้อมูล ปฏิบัติงานตามขั้นตอนและตามระเบียบที่กำหนดไว้ อาจต้องทำงานในบริเวณที่กำหนด และเป็นบริเวณห้ามสูบบุหรี่หรือรับประทานอาหาร ต้องใช้อุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ หน้ากาก เป็นต้น

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
  ผู้ประกอบนักชีววิทยา-Biologistควรมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ 
1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาชีววิทยาหรือสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง 
2. มีความรู้ความสามารถในการใช้ภาษาอย่างเหมาะสมแก่การปฏิบัติหน้าที่ ทั้งอ่านและเขียน 
3. มีความสามารถในการศึกษาหาข้อมูล วิเคราะห์ปัญหา และสรุปเหตุผล 
4. มีความสามารถในการเป็นผู้นำและผู้ตาม 
5. สามารถเดินทางไปปฏิบัติงานในต่างจังหวัด 
6. มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อบุคลากรในองค์กรและชุมชน 
7. มีความสนใจในวิชาวิทยาศาสตร์ เคมีและชีววิทยา และสามารถสอบได้คะแนนดีในวิชาเหล่านี้ชอบการค้นคว้าทดลอง การใช้ปัญญาในการวิเคราะห์ 
8. มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบค้นคว้า 
9. มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 
10. มีความแม่นยำ ใจเย็นและละเอียดรอบคอบ 
11. มีความสามารถเป็นพิเศษในการสังเกต คิดอะไรมีระบบระเบียบ และสามารถแสดงผลการ ค้นคว้าออกมาได้ง่าย และชัดเจนทั้งการพูดและการเขียน 
12. มีความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าตัดสินใจ และสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้รวดเร็ว 
13. มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นอย่างดี 
14. มีร่างกายแข็งแรง อดทน สามารถปฏิบัติงานในหน้าที่ได้ดี 
ผู้ที่จะประกอบนักชีววิทยา-Biologist ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้ : ผู้ต้องการประกอบนักชีววิทยา-Biologist เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่าตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านการสอบคัดเลือกเพื่อเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาที่มีหลักสูตรสาขาวิชาชีววิทยา และจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หลักสูตร 4 ปี สำเร็จการศึกษาได้ วุฒิปริญญา

โอกาสในการมีงานทำ
  ผู้ที่สำเร็จการศึกษาสามารถเข้าทำงานในภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรเอกชน เช่น หน่วยงานในกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สำนักวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย เป็นต้น จะได้รับเงินเดือนตามวุฒิที่เรียนสำเร็จ หรือทำงานในภาคเอกชนในสถานประกอบกิจการอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมการเกษตร โรงงานอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป เป็นต้น 
ได้มีการคาดหมายหรือการประมาณการว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ประชากรจะเผชิญกับปัญหา ความอดอยากเนื่องจากพื้นที่ในการผลิตอาหารสำหรับประชากรโลกน้อยลง ในหลายประเทศที่เตรียมความพร้อมในปัญหานี้ ได้คิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีที่เรียกว่า "ตัดแต่งพันธุกรรม" หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า GMOs (Genetically Modified Organisms) เพื่อให้พืชหรือสัตว์นั้นสามารถเพิ่มผลผลิตและมีสภาพทนต่อสภาพแวดล้อมและศัตรูพืช เช่น ข้าวโพด ฝ้าย ถั่วเหลือง นักชีววิทยาเป็นหนึ่งในกลุ่มงานที่เกี่ยวข้องกับ การพัฒนานี้นอกเหนือจากวิศวกรพันธุกรรม การผลิตพืช GMOs ขึ้นมา ทำให้มีผู้บริโภคมีความกังวลด้านความปลอดภัย และผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ปัญหานี้มีผลกระทบต่อประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศส่งออกสินค้าเกษตรเป็นหลัก จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเร่งรัดสร้างมาตรการควบคุม ตรวจสอบ และออกหนังสือรับรองสินค้าพืช Non-GMOs ดังนั้น สำนักวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ (สทช.) จึงต้องพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างมาตรฐานการตรวจสอบที่เป็นสากล เพื่อให้บริการสำหรับสนับสนุนการรับรองพืช Non-GMOs สำหรับการส่งออกสู่ตลาดโลกที่ต้องการสินค้าเกษตรที่เป็น Non -GMOs จะเห็นได้ว่า นักชีววิทยายังเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานไม่เพียงแต่ปัญหา GMOs เท่านั้น นักชีววิทยายังต้องพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อส่งเสริมภาคการเกษตรให้พัฒนายิ่งขึ้น เพราะประเทศไทยเป็นประเทศอุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรม เกษตรที่ผลิตสินค้าเกษตรส่งออกสู่ตลาดโลก

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
  ผู้ปฏิบัติงานนักชีววิทยา-Biologist ถ้ารับราชการในหน่วยงานปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ หรือในสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และเลื่อนขั้นตามระบบราชการ การศึกษาต่อเพิ่มเติมจะช่วยให้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งได้รวดเร็วขึ้นและสามารถเป็นถึงผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานได้ ส่วนในภาคเอกชนนั้นขึ้นอยู่กับโครงสร้างการบริหารงานขององค์กร ซึ่งสามารถเป็น ผู้จัดการโรงงาน ผู้จัดการงานวิจัย 
ผู้ที่ปฏิบัติงานนักชีววิทยา-Biologistที่มีประสบการณ์ในการทำงานและมีความสามารถในการสอน อาจจะได้รับเชิญเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ

อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
  นักเคมี (ชีววิทยา) หรือ นักชีวเคมี นักเคมี (อินทรียเคมี) นักเคมี (อนินทรียเคมี) นักเคมี (ฟิสิกส์) เภสัชกร นักเทคนิคการแพทย์ นักวิจัย นักกีฎวิทยา

แหล่งข้อมูลอื่น ๆ
  สถาบันศึกษาในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย เช่นมหาวิทยาลัยเกษตร http://www.ku.ac.th แหล่งจัดหางานในหนังสือพิมพ์ และเว็บไซต์ทั้งของภาครัฐ เอกชน และองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ http://www.moac.go.th กรมวิชาการเกษตร http://www.doa.go.th การจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย)

นักจิตวิทยา-Psychologist

นักจิตวิทยา-Psychologist

นิยามอาชีพ
  ผู้ที่ปฏิบัติงานนักจิตวิทยา-Psychologist เป็นผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับการทำงานและจิตใจของมนุษย์ เพื่อให้เข้าใจแนวจิตความปรารถนา แรงจูงใจ อารมณ์ของมนุษย์ที่ส่งผลต่อการแสดงออก โดยอาศัยวิชาการทางวิทยาศาสตร์ เข้าช่วยในการศึกษา รวบรวมนำข้อมูลทางจิตวิทยามาตีความ และนำผลของการศึกษาวิจัยมาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ เพื่อป้องกัน และบำบัดผู้ที่มีปัญหาทางด้านอารมณ์ และพฤติกรรมให้กลับมาเข้าใจ ในชีวิตที่ถูกต้อง

ลักษณะของงานที่ทำ
  1. ตรวจวินิจฉัยทางจิตวิทยา โดยการใช้เครื่องมือทดสอบจิตวิทยาที่เป็นมาตรฐาน ร่วมกับ การสังเกตพฤติกรรม และการสัมภาษณ์ วิเคราะห์ และแปลผลการทดสอบ 
2. บำบัดรักษาทางจิตวิทยา เป็นวิธีการบำบัดรักษาที่ไม่ต้องใช้ยา ซึ่งแตกต่างจากจิตแพทย์ อาจบำบัดรักษา โดยการใช้ยาได้ 
3. ศึกษา ค้นคว้า วิจัยทางจิตวิทยาใน และป้องกันโรคเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ความรู้ทางจิตวิทยา ในรูปแบบการสอน การฝึกอบรม เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนมีแรงจูงใจ และสนใจจะเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับจิตวิทยา เพื่อพัฒนาตนเองให้มีสุขภาพจิตดีขึ้น หรือพ้นจากภาวะเสี่ยงต่อการเกิดปัญหา สุขภาพจิต 
ปัจจุบัน นักจิตวิทยาแบ่งตามประเภทของสาขาการศึกษาดังนี้ 
- สาขาจิตวิทยาการศึกษา (Educational Psychology) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการนำหลักการทาง จิตวิทยามาใช้ในการสำรวจปัญหาทางการศึกษา ตลอดจนสร้างหลักการ ทางจิตวิทยาที่มีระบบระเบียบวิธีการของตนเอง ถือเป็นศาสตร์หนึ่งทางด้านพฤติกรรมศาสตร์ 
- สาขาวิทยาพัฒนาการ (Developmental Psychology) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการศึกษา ความสามารถทางพฤติกรรมของมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย อย่างเป็นลำดับขั้นตอนว่า มีกระบวนการพัฒนา แต่ละวัยอย่างไร รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ระหว่างหน้าที่ต่างๆ ของการพัฒนาโดยเฉพาะทางจิตใจ 
- สาขาจิตวิทยาสังคม (Social Psychology) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ในสังคมอย่างเป็นระบบ เนื้อหาวิชารวมการปฏิสัมพันธ์ทั้งหมด เช่น ศึกษาการรับรู้การตอบสนอง ระหว่างบุคคล อิทธิพลของบุคคลที่มีต่อผู้อื่น ฯลฯ 
- สาขาจิตวิทยาการปรึกษา (Counseling Psychology) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการช่วยให้คนรู้จัก และเข้าใจตนเองอย่างลึกซึ้งทุกด้าน ช่วยให้คนรู้จักโลกและสิ่งแวดล้อมของตนช่วยให้คนรู้จักการพัฒนา และสามารถนำศักยภาพหรือความสามารถที่ตนมีอยู่มาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง และผู้อื่น รู้จักเลือก และตัดสินใจอย่างฉลาดเพื่อแก้ปัญหาและปรับตัวอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข 
- สาขาจิตวิทยาอุตสาหกรรม (Industrial Psychology) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการนำความรู้ทาง จิตวิทยามาใช้ในการดำเนินการคัดเลือกบุคคล พัฒนาการบริหาร การจูงใจลูกจ้าง วิจัยตลาด วิจัยด้านมนุษยสัมพันธ์ เพื่อตอบสนองธุรกิจและอุตสาหกรรม 
- สาขาจิตวิทยาคลีนิค (Clinical Psychology) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการศึกษาเกี่ยวกับปัญหาการปรับตัวของมนุษย์โดยพยายามค้นหาสาเหตุว่าคนที่มีพฤติกรรมเช่นนั้น หรือมีความผิดปกติทางจิตใจนั้นมีสาเหตุมาจากอะไรนักจิตวิทยาคลีนิคใช้หลักการและความรู้ทางจิตวิทยามาวิเคราะห์ และบำบัดรักษาผู้ที่มีปัญหาทางด้านอารมณ์และพฤติกรรม เช่น ปัญหาทางสุขภาพจิตโรคประสาท การติดยาเสพติด ความผิดปกติทางเชาวน์ปัญญา ปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว ตลอดจนปัญหาการปรับตัวอื่นๆ เพื่อค้นหาวิธีการปรับตัวและการแสดงออกที่ดีและเหมาะสมกว่า

สภาพการจ้างงาน
  ผู้ปฏิบัติงานนักจิตวิทยา-Psychologist ส่วนใหญ่รับราชการในโรงพยาบาล หรือโรงพยาบาลจิตเวช โดยจะได้รับ ค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนตามวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี ในอัตรา 6,360 บาท 

สำหรับภาคเอกชน หรือองค์การระหว่างประเทศ อาจจะได้รับเงินเดือนประมาณ 7,500-8,000 บาท หรืออาจจะถึง 15,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับองค์กร และสถานที่ทำงานในแต่ละพื้นที่ 
ปฏิบัติงานวันละ 8 ชั่วโมง หรือสัปดาห์ละ 40-48 ชั่วโมง มีการปฏิบัติงานพิเศษนอกเหนือเวลาราชการในกรณีมีโครงการหรือกิจกรรมเฉพาะอย่าง 
ผู้ปฏิบัติงานนักจิตวิทยา-Psychologist จะได้รับผลประโยชน์อย่างอื่นนอกเหนือจากเงินเดือนตามระเบียบของ ทางราชการ หรือของภาคเอกชน ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายและแนวทางปฏิบัติของแต่ละสถานประกอบการ

สภาพการทำงาน
  ผู้ปฏิบัติงานนักจิตวิทยา-Psychologist โดยทั่วไปปฏิบัติงานในห้องทำการรักษาเหมือนกับแพทย์ทั่วไป และมีการออกไปเยี่ยมคนไข้หรือชุมชน การปฏิบัติหน้าที่อาจมีโอกาสเสี่ยงที่จะถูกทำร้ายจากคนไข้ ซึ่งมีอารมณ์ไม่ปกติได้ง่าย ดังนั้น ห้องทำงานจึงควรจัดให้มีความปลอดภัย และมีผู้ช่วยดูแลในเรื่องความปลอดภัยของนักจิตวิทยาด้วย 
นักจิตวิทยาจะต้องปฏิบัติงานร่วมกับทีมจิตเวช นักสังคมสงเคราะห์จิตเวช และพยาบาลจิตเวช

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
  ผู้ประกอบนักจิตวิทยา-Psychologistต้องมีคุณสมบัติดังนี้ 
1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีคณะสังคมศาสตร์, คณะมนุษยศาสตร์ในประเภทสาขาการศึกษาจิตวิทยา 
2. มีความเมตตา โอบอ้อมอารี มีใจรักในอาชีพการบำบัดและรักษา และชอบบริการช่วยเหลือผู้อื่น และผู้ป่วย 
3. มีคุณธรรม จริยธรรม มีความอดทนสูงและใจเย็น 
4. ควรมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความร่าเริง อาจจะต้องมีการสอบขึ้นทะเบียน และรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปในอนาคต แต่ปัจจุบันยังไม่ต้องมี 
ผู้ที่จะประกอบนักจิตวิทยา-Psychologistควรเตรียมพร้อมดังต่อไปนี้ : ต้องสำเร็จการศึกษาหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการเรียนวิทยาศาสตร์หรือเทียบเท่า หรือสายศิลป์ เพื่อสอบคัดเลือก เข้าศึกษาต่อ ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในคณะสังคมศาสตร์และคณะมนุษยศาสตร์ เป็นต้น

โอกาสในการมีงานทำ
  เนื่องจากในประเทศไทยเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย และมีผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ สังคมเกิดสภาพบีบคั้นทางด้านการมีงานทำ คือการลดลงของรายได้ การเลิกจ้างงาน จนถึงส่งผลกระทบไปถึงสมาชิก ในครอบครัว ทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เกิดความเครียด มีปัญหาทางด้านจิตใจ ไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยตนเองได้ ประชาชนจำนวนหนึ่งจึงหันไปพึ่งยาเสพติดประเภทกล่อมประสาทที่มีการซื้อขายกัน อย่างสะดวกด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยคิดว่าจะช่วยผ่อนคลายความเครียด และหนีปัญหาได้ แต่เมื่อติดยาเสพติดแล้ว บางรายอาจทำร้ายบุคคลในครอบครัว อีกทั้งสถิติการฆ่าตัวตาย ในประเทศไทย มีอัตราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลได้ตระหนักถึงเหตุการณ์นี้ และได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ รักษาดูแล ป้องกันและบำบัดรักษา คือ นักจิตวิทยา นักจิตแพทย์ เพื่อช่วยเหลือบริการบุคคลที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ทางด้านจิตใจขึ้นที่โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลจิตเวชทั่วประเทศ รวมทั้งการติดตั้งโทรศัพท์สายด่วนสุขภาพจิต ตลอดจนจัดตั้งเว็บไซต์ เพื่อบริการให้ความรู้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ ในการดำเนินชีวิต ให้คำปรึกษาแนะนำ และให้แนวทาง แก้ปัญหาสุขภาพจิตที่ถูกต้อง ดังนั้น อาชีพนักจิตวิทยาจึงเป็นที่ต้องการของสังคมอย่างมากในยุคปัจจุบัน 
นอกจากนี้ โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย และสถานศึกษาทุกแห่ง รวมทั้งในองค์กรพัฒนาเอกชนที่ไม่หวังผลกำไร อย่างเช่น มูลนิธิต่างๆ ที่ดูแลเด็กที่ด้อยโอกาส หรือหญิงที่ถูกทำร้าย ตลอดจน คลีนิกรักษาผู้เสพยาเสพติด ก็ต้องการนักจิตวิทยาเช่นกัน แต่ขณะนี้ยังมีการจ้างงานจำนวนน้อย

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
  สำหรับผู้ประกอบนักจิตวิทยา-Psychologist ในโรงพยาบาลของรัฐบาล จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งตามสายงาน จนถึงระดับสูงสุด ที่ระดับ 8 สำหรับในภาคเอกชนจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงสุดตามโครงสร้างขององค์กร

อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
  ครู - อาจารย์ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในมูลนิธิต่างๆ องค์การระหว่างประเทศที่ช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลในองค์กรธุรกิจเอกชน เจ้าหน้าที่องค์กรและพัฒนาเอกชน ทั่วประเทศ

แหล่งข้อมูลอื่น ๆ
  กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ภาควิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมาคมนักจิตวิทยาคลีนิค ศูนย์สุขวิทยาจิต (Child Mental Health Center) การจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย) สหทัยมูลนิธิ โทร. 381 8834-7 e-mail : sahathai@asiaaccess.net.th


นักเคมี-Chemist

นักเคมี-Chemist



นิยามอาชีพ
  ผู้ปฏิบัติงานนักเคมี-Chemist ได้แก่ผู้ที่ทำงานวิจัย พัฒนา ทดสอบ ทดลอง และวิเคราะห์ส่วนประกอบ คุณสมบัติ และการเปลี่ยนแปลงอันเกิดขึ้นได้ของสารเคมี

ลักษณะของงานที่ทำ
  ทำงานวิจัย พัฒนา ทดสอบ ทดลอง และวิเคราะห์เชิงปฏิบัติเกี่ยวกับส่วนประกอบ คุณสมบัติ และการเปลี่ยนแปลง อันอาจเกิดขึ้นได้ของสารเคมี
ค้นคว้าคุณสมบัติขั้นมูลฐานและโครงสร้างเซลล์ โครงสร้างโมเลกุล โครงสร้างอะตอมของสาร และการแปรรูปของสารที่อาจเกิดขึ้นได้
นำกฎ หลัก และวิธีการซึ่งรู้จักกันดีแล้วมาใช้ในการค้นหา และพัฒนาผลิตภัณฑ์เคมีชนิดใหม่ หรือเพื่อค้นคว้าหาประโยชน์ใหม่ๆ ที่จะได้จากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิม ตลอดจนการค้นหาวิธีการผลิตใหม่ๆ
นำกฎ หลัก และวิธีการที่รู้จักกันดีแล้วมาใช้ แก้ปัญหาทางอุตสาหกรรม เช่น การควบคุมคุณภาพ และการวิเคราะห์วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
อาจควบคุมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ทำงาน เกี่ยวกับการค้นคว้าในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ หรือทำงานในกรรมวิธีทางอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับสารเคมี
ปฏิบัติงานทางเคมีในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ของโรงงาน หรือหน่วยงานอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเคมี เช่น ในด้านการควบคุมผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมให้ได้มาตรฐาน
ปฏิบัติงานทางอุตสาหกรรมเคมี ในด้านการผลิตและวิเคราะห์วัตถุดิบ

สภาพการจ้างงาน
  ผู้ปฏิบัติงานอาขีพนี้ได้รับค่าตอบแทนการทำงานเป็นเงินเดือนตามวุฒิการศึกษา นักเคมีที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีซึ่งไม่มีประสบการณ์ในการทำงานจะได้รับเงินเดือนในอัตราดังนี้
   ประเภทองค์กร          เงินเดือน
        ราชการ                  7,040
      รัฐวิสาหกิจ                8,500
         เอกชน           12,000 - 15,000

ทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง แต่อาจจะต้องทำงานวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุด หรือทำงานล่วงเวลา ในกรณีที่ต้องการให้งานที่ได้รับมอบหมายเสร็จให้ทันต่อการใช้งาน
นอกจากผลตอบแทนในรูปเงินเดือนแล้ว ในภาครัฐจะได้รับสวัสดิการตามระเบียบของทางราชการ ส่วนในภาครัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนอาจได้รับผลประโยชน์พิเศษอย่างอื่น เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินสะสม เงินช่วยเหลือสวัสดิการในรูปต่างๆ เงินโบนัส เป็นต้น

สภาพการทำงาน
  ผู้ประกอบอาชีพนักเคมีส่วนใหญ่ทำงานในห้องทดลอง เพื่อปฏิบัติงานด้านการทดสอบ และทดลองทางเคมีและสิ่งที่เกี่ยวข้องตามงานที่ได้รับมอบหมายหรือสูตรที่กำหนด เตรียมหรือควบคุมการผลิตผลิตภัณฑ์ทางเคมีตามสูตรที่รับรองกันแล้วทำการทดสอบผลิตภัณฑ์ทางเคมีต้องอยู่กับสารเคมีที่ต้องใช้ในการทดสอบ ซึ่งสารเคมีในห้องปฏิบัติการทดลองอาจจะทำปฏิกิริยาที่ทำให้เป็นอันตรายได้ ดังนั้นจึงต้องรู้จักวิธีใช้ และวิธีป้องกัน รวมทั้งปฏิบัติงานตามขั้นตอนตามระเบียบที่กำหนดไว้ ต้องทำงานในบริเวณที่กำหนด และเป็นบริเวณห้ามสูบบุหรี่หรือรับประทานอาหาร ต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น ถุงมือ หน้ากาก เป็นต้น

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
1. สำเร็จการศึกษาขั้นต่ำระดับปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาเคมี หรือสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง
2. ต้องมีความสนใจในวิชาวิทยาศาสตร์ เคมี ชีววิทยา และสามารถสอบได้คะแนนดีในวิชาเหล่านี้ ชอบการค้นคว้าทดลอง การใช้สติปัญญาในการวิเคราะห์
3. มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบค้นคว้า
4. มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
5. มีความแม่นยำ ใจเย็นและละเอียดรอบคอบ
6. มีความสามารถเป็นพิเศษในการสังเกต คิดอะไรมีระบบระเบียบ และสามารถแสดงผลการ ค้นคว้าออกมาได้ง่าย และชัดเจนทั้งการพูดและการเขียน
7. มีความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าตัดสินใจ และสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้รวดเร็ว
8. มีเหตุผล และสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างชัดเจน และได้ใจความ
9. มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์เป็นอย่างดี
10. มีร่างกายแข็งแรง อดทน สามารถปฏิบัติงานในหน้าที่ได้ดี
ผู้ที่จะประกอบนักเคมี-Chemist ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้ : ผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการต้องผ่านการสอบคัดเลือกเพื่อเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาที่มีหลักสูตร สาขาวิชาเคมีปฏิบัติ เช่น คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยรามคำแหง หลักสูตร 4 ปี สำเร็จการศึกษาได้วุฒิปริญญาตรี หรือศึกษาในสถาบันราชภัฏ หลักสูตร 3 ปี ซึ่งจะได้วุฒิอนุปริญญา หรือเข้าศึกษาสาขาวิชาเคมีปฏิบัติการปิโตรเคมี ในสถาบันราชมงคล นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษา ได้รับอนุปริญญาเคมีปฏิบัติ สามารถเข้ารับราชการ หรือศึกษาต่อเพื่อทำปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต

โอกาสในการมีงานทำ
  แนวโน้มในตลาดแรงงานปัจจุบันมีความต้องการนักเคมีมากทั้งในวงการแพทย์ การเกษตร และอุตสาหกรรม เนื่องจากผู้สำเร็จการศึกษาทางด้านนี้มีจำนวนจำกัด
นักเคมียังมีโอกาสรับราชการเป็นนักวิทยาศาสตร์ทำงานในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ของหน่วยงานราชการ หรือทำงานในภาคเอกชนในสถานประกอบการอุตสาหกรรมเคมี เช่น เครื่องสำอาง ปุ๋ยเคมี ผลิตภัณฑ์สี ผลิตเครื่องดื่ม เป็นต้น

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
  ผู้ปฏิบัติหน้าที่เป็นข้าราชการในหน่วยงานปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ทั่วไป หรือในสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ได้รับตำแหน่งและเลื่อนขั้นยศตามขั้นตอนของระบบราชการ การศึกษาต่อเพิ่มเติมจะช่วยให้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่งได้รวดเร็วและสามารถเป็นถึงผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานได้ ส่วนในภาคเอกชนนั้นขึ้นอยู่กับโครงสร้างการบริหารงานขององค์กร ซึ่งสามารถเป็นผู้จัดการโรงงาน ผู้จัดการด้านคุณภาพ หรือผู้จัดการฝ่ายขาย
นักเคมีสามารถประกอบธุรกิจส่วนตัว คือ เป็นเจ้าของร้านขายผลิตภัณฑ์เคมี สำหรับผู้ที่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์เคมีหรือผลิตภัณฑ์อื่นโดยผ่านการทดสอบ และได้รับอนุญาตจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง สามารถจดลิขสิทธิ์การเป็นเจ้าของสูตรในผลิตภัณฑ์นั้น และผลิตเป็นสินค้าออกจำหน่ายในลักษณะ อุตสาหกรรมได้ เช่น เครื่องสำอาง ปุ๋ยเคมี เป็นต้น

อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
  นักเคมี (ชีววิทยา) หรือ นักชีวเคมี นักเคมี (อินทรีย์เคมี) นักเคมี(อนินทรีย์เคมี) นักเคมี (ฟิสิกส์) เภสัชกร นักเทคนิคการแพทย์

แหล่งข้อมูลอื่น ๆ

  สถาบันศึกษาในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย การจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย)

ทันตแพทย์-Dentist-general

ทันตแพทย์-Dentist-general


นิยามอาชีพ
  ผู้ปฏิบัติงานทันตแพทย์-Dentist-general ได้แก่ผู้ให้การรักษาโรคและความผิดปกติของฟันและช่องปากด้วยการศัลยกรรม ให้ยา และวิธีการอื่นๆ ควบคุมโรคในช่องปากของผู้ป่วย และควบคุมบริการทันตสุขภาพ รวมถึงการตรวจฟันและปากของผู้ป่วย และใส่ฟันปลอม ร่วมในการวางแผน จัดระบบงาน และดำเนินงานให้เป็นไปตาม โครงการทันตสุขภาพของหน่วยงานสาธารณสุข

ลักษณะของงานที่ทำ
  ให้การรักษาโรค และความผิดปกติของฟันและช่องปากด้วยการศัลยกรรม ให้ยา และวิธีการอื่นๆ ตรวจปากและฟันของผู้ป่วย ใช้เครื่องเอ็กซเรย์และทดสอบตามความจำเป็น เพื่อจะได้ทราบถึงลักษณะของความผิดปกติ พิจารณาผลของการตรวจและการทดสอบ และตกลงใจเลือกวิธีการรักษา หารูฟันผุ ทำความสะอาดและอุดรูฟันผุ และถอนฟันที่เป็นโรคหรือไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ พิมพ์ปากและจำลองแบบของเหงือก และส่วนอื่นๆ ของปาก เพื่อใช้ในการประดิษฐ์ฟันปลอม และใส่ฟันปลอม ใส่เครื่องยึดเพื่อจัดฟันที่มีลักษณะผิดปกติ หรือเกให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง รักษาโรคฟัน ปากหรือเหงือกด้วยการใช้ยาหรือศัลยกรรม ให้ยาชาหรือวางยาสลบตามความจำเป็น อาจทำเฉพาะทางในการรักษาอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมากกว่า

สภาพการจ้างงาน
  ทันตแพทย์สามารถทำงานในภาครัฐ และภาคเอกชนโดยประกอบอาชีพตามสถานบริการทันตกรรม โรงพยาบาลของรัฐ และเอกชน หรือประกอบธุรกิจส่วนตัว 
ทันตแพทย์ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจะได้รับเงินเดือนเทียบเท่าวุฒิปริญญาตรีทั่วไป อัตราค่าจ้างเป็นรายเดือนแตกต่างกันไปตามความรู้ และความชำนาญ สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ ไม่มีประสบการณ์จะมีรายได้โดยประมาณ ดังนี้ 
  ประเภทองค์กร      เงินเดือน 
       ราชการ              6,360 
       เอกชน       12,000 - 15,000 

ทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง อาจจะต้องทำงานวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุด อาจจะต้องมี การจัดเวรอยู่ประจำโรงพยาบาล นอกจากผลตอบแทนในรูปเงินเดือนแล้ว ผู้ทำงานกับภาครัฐจะได้รับ สวัสดิการตามระเบียบของทางราชการ ส่วนผู้ที่ทำงานในภาครัฐวิสาหกิจและเอกชนอาจได้รับผลประโยชน์อย่างอื่นมากกว่าภาคราชการ เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินสะสม เงินช่วยเหลือ สวัสดิการในรูปต่างๆ เงินประกันสังคม เงินโบนัส เป็นต้น สำหรับผู้ที่สำเร็จทันตแพทย์ที่มีเงินทุนสามารถประกอบธุรกิจส่วนตัวด้วยการเปิดคลีนิครักษาฟัน มีรายได้ขึ้นอยู่กับความสามารถ และความอุตสาหะ

สภาพการทำงาน
  ทันตแพทย์ทั่วไปจะทำงานในห้องตรวจฟันซึ่งมีอุปกรณ์ในการตรวจ และรักษาฟัน เช่น เครื่องมือต่างๆ เพื่อการขูดหินปูน ถอนฟัน ฉีดยาชา และเก้าอี้สำหรับผู้ป่วย และทันตแพทย์ โดยจะต้องมี ไฟส่องสว่างเพื่อช่วยในการตรวจฟันในปาก โดยทั่วไปทันตแพทย์จะมีผู้ช่วยทันตแพทย์ในการตรวจรักษาผู้ป่วยโดยจะช่วยในการหยิบส่งอุปกรณ์ในการตรวจรักษาฟัน ในบางครั้งอาจจะมีผู้ป่วยที่เป็นเด็ก ซึ่งการตรวจรักษาอาจจะยุ่งยากกว่าผู้ใหญ่เนื่องจากเด็กจะมีความกลัวและไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจฟัน ทันตแพทย์ต้องมีจิตวิทยาในการหลอกล่อเด็กให้ความร่วมมือโดยการอ้าปาก เพื่อทำการตรวจรักษา รวมทั้งต้องระวังการถูกกัดนิ้วมือขณะทำการตรวจรักษาให้เด็กที่กำลังกลัวและโกรธ

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางทันตแพทย์ 
2. มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์และภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี 
3. มีความรู้ในการค้นและการประดิษฐ์ 
4. มีสุขภาพแข็งแรง บุคลิกดี รู้หลักจิตวิทยา คล่องแคล่ว พูดจาเก่ง 
5. มีฐานะทางการเงินดีพอสมควร 
6. มีความซื่อสัตย์ในวิชาชีพของตน มีคุณธรรมและจริยธรรมทางการแพทย์ ไม่ใช้ความรู้ทางวิชาการของตนไปหลอกลวงหรือทำลายผู้อื่น 
ผู้สนใจประกอบอาชีพทันตแพทย์ต้องเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพ : เมื่อสำเร็จหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายหรือประกาศนียบัตรอื่นที่กระทรวงศึกษาธิการเทียบเท่า และสามารถสอบผ่านวิชาต่างๆ ในการ คัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ตลอดจนการสอบสัมภาษณ์และการตรวจร่างกาย หลักสูตรวิชาทันตแพทย์ระดับปริญญาตรีตามปกติใช้เวลาเรียน 5 ปี โดยมีสถาบันที่เปิดสอนวิชาการแพทย์ระดับปริญญาหลายแห่งในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย เช่นมหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น เมื่อครบหลักสูตรแล้วจะได้รับใบอนุญาตประกอบเวชกรรมของแพทยสภา มีสิทธิประกอบอาชีพแพทย์ได้ ตามกฎหมาย

โอกาสในการมีงานทำ
  ผู้ที่สำเร็จการศึกษาทางทันตแพทย์หากมีความขยันอุตสาหะจะไม่มีการตกงาน เนื่องจาก นอกเหนือจากการเข้าทำงานในโรงพยาบาลของรัฐบาลหรือเอกชนแล้ว ยังสามารถประกอบอาชีพส่วนตัวด้วยการเปิดคลีนิครักษาโรคฟันได้ ซึ่งการรักษาฟันรวมถึงการทำศัลยกรรมฟัน เช่น ทำเขี้ยว และอื่นๆ กำลังเป็นที่นิยมของประชาชนทั่วไปกันมากขึ้น

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
  ผู้สำเร็จการศึกษาจะต้องใช้ทุนให้กับรัฐบาลในสายงานที่เรียนมา โดยประจำอยู่ในโรงพยาบาล ของรัฐ หรือสถานพยาบาล ศูนย์อนามัยของกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นเวลา 2 ปี เมื่อใช้ทุนแล้วจะทำงานประจำต่อในหน่วยงานของรัฐ หรืออาจจะไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท และปริญญาเอก หรือเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย หรือประกอบอาชีพอิสระโดยตั้งคลีนิครักษาเป็นส่วนตัวและทำงานในโรงพยาบาลเอกชนก็ได้ 
ถ้ารับราชการต่อไปก็จะได้รับการเลื่อนขั้น และเลื่อนตำแหน่งตามระเบียบของทางราชการ เช่น เป็นหัวหน้าภาควิชา เป็นต้น

อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
  ผู้ชำนาญพิเศษทางทันตกรรม ทันตแพทย์ฝ่ายป้องกัน และสาธารณสุข ช่างเทคนิคการแพทย์ อาจารย์ทางวิชาทันตแพทย์ศาสตร์

แหล่งข้อมูลอื่น ๆ
  ทันตแพทย์สมาคม ทันตแพทยสภา http://www.thaidental.org http:// www.thaitist.org การจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย)

จิตแพทย์-Psychiatrist

จิตแพทย์-Psychiatrist


นิยามอาชีพ
  ผู้ปฏิบัติงานจิตแพทย์-Psychiatristได้แก่ผู้ทำหน้าที่วินิจฉัยโรค สั่งยา และให้การรักษาความผิดปกติทางร่างกาย และจิตใจของมนุษย์ ทำการวิจัยปัญหาทางแพทย์และปฏิบัติงานที่ต้องใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ รวมถึงการตรวจร่างกาย การวินิจฉัยโรค การสั่งยา รักษาอาการผิดปกติต่างๆ อาจทำงานเฉพาะการให้คำแนะนำและรักษาทางยา ตรวจค้นโรคและความผิดปกติต่างๆ ของมนุษย์ เพื่อให้ทราบลักษณะ แก่นแท้ของสมมุติฐาน อาการ ผลของโรค และความผิดปกติสำหรับช่วยกำหนดวิธีการรักษา

ลักษณะของงานที่ทำ
  1. ตรวจร่างกาย วินิจฉัยอาการทางจิต สั่งยา รักษาอาการผิดปกติของผู้ป่วย โดยการใช้เครื่องมือทดสอบที่เป็นมาตรฐาน ร่วมกับการสังเกตพฤติกรรม การสัมภาษณ์ วิเคราะห์ และแปรผลการทดสอบ 
2. ตรวจผู้ป่วยและตรวจหรือสั่งตรวจทางเอ็กซเรย์ หรือการทดสอบพิเศษ ถ้าต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม 
3. พิจารณาผลการตรวจและผลการทดสอบ ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางหรือแพทย์อื่นตามความ จำเป็น และวินิจฉัยความผิดปกติ 
4. บำบัดรักษาอาการความผิดปกติทางจิตโดยสั่งยา หรือการรักษาอย่างอื่น และแนะนำผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยในเรื่องการปฏิบัติตนที่จำเป็นสำหรับรักษาตนให้พ้นจากการป่วยไข้ 
5. เก็บรักษาบันทึกเกี่ยวกับผู้ป่วยที่ได้ตรวจโรคที่เป็นและการรักษาที่ได้ให้หรือสั่ง 
6. อาจรับผิดชอบและสั่งงานสำหรับพยาบาลในโรงพยาบาลหรือสถาบันอื่น

สภาพการจ้างงาน
  ผู้ประกอบอาขีพนี้ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนตามวุฒิการศึกษา ผู้สำเร็จการศึกษาวิชาจิตแพทย์ซึ่งไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน ได้รับเงินเดือนขั้นต่ำในอัตรา ดังนี้ 
  วุฒิการศึกษา 
                    หน่วยงาน      ราชการ           รัฐวิสาหกิจ           เอกชน 
  ปริญญาตรี                         8,190         9,500 -10,500   15,000 - 16,000 
  ปริญญาโท                         9,040        15,000 -12,000  23,000 - 24,500 
  ปริญญาเอก                      10,600        21,000 -22,000 28,000 - 30,000 

ทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง อาจต้องมาทำงานวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุด อาจจะต้องมีการจัดเวรอยู่ประจำโรงพยาบาล นอกจากผลตอบแทนในรูปเงินเดือนแล้ว ในภาครัฐ และภาคเอกชนอาจได้รับผลประโยชน์พิเศษอย่างอื่น เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินสะสม เงินช่วยเหลือสวัสดิการในรูปต่างๆ เงินโบนัส เป็นต้น สำหรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาวิชาจิตแพทย์สามารถประกอบธุรกิจส่วนตัว หรือทำงานพิเศษนอกเวลาทำงานประจำ โดยรายได้ที่ได้รับขึ้นอยู่กับความสามารถและความอุตสาหะ

สภาพการทำงาน
  ปฏิบัติงานในโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาล โดยตรวจคนไข้ในที่อยู่ในความรับผิดชอบทุกวันและ ต้องตรวจคนไข้นอกที่เข้ามารับการรักษา ผู้ที่เป็นจิตแพทย์อาจถูกเรียกตัวได้ทุกเวลาเพื่อทำการรักษาคนไข้ให้ทันท่วงที และต้องพร้อมเสมอที่จะสละเวลาเพื่อรักษาคนไข้ 
ในสถานที่ทำงานจะต้องพบเห็น คนเจ็บ คนป่วย และอาจจะต้องเผชิญหน้ากับผู้ป่วยที่กำลังคลุ้มคลั่ง ดังนั้นในห้องตรวจผู้ป่วยจะต้องมีพยาบาลและผู้ช่วยพยาบาลที่แข็งแรงและพร้อมที่จะจัดการผู้ป่วยที่เกิดอาการดังกล่าวได้ จิตแพทย์จึงต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง อดทน อดกลั้น เพราะหากมีจิตใจที่อ่อนไหวต่อสิ่งที่ได้ พบเห็นและไม่สามารถระงับอารมณ์ จะมีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานได้ 
อาชีพจิตแพทย์มักจะไม่ต้องออกปฏิบัติหน้าที่ในชนบทที่ห่างไกลความเจริญ ส่วนใหญ่จะปฏิบัติงานในตัวเมืองที่มีความเจริญ หรือในสถานบำบัดรักษาผู้ป่วยทางจิต อาจจะเพราะในที่มีความเจริญมีงานที่ต้องแข่งขันกันสูงทำให้คนมีความเครียดและอาจจะเกิดความผิดปกติทางจิตซึ่งเป็นไปได้สูงกว่าในชนบท และสำหรับในชนบทที่ห่างไกลความเจริญ หากมีผู้ป่วยทางจิตที่มีอาการรุนแรง มักถูกส่งมารับการรักษาในสถานบำบัดผู้ป่วยทางจิตในตัวเมือง

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
1. สำเร็จการศึกษาทางวิชาจิตแพทย์คณะแพทย์ศาสตร์ 
2. ขยันสนใจในการศึกษาหาความรู้ทางวิทยาการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี
3. มีสุขภาพสมบูรณ์ ทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่พิการหรือทุพพลภาพ ปราศจากโรค 
4. สามารถอุทิศตนยอมเสียสละเวลา และความสุขส่วนตัว เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อนจาก การเจ็บป่วย มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่รังเกียจผู้เจ็บป่วย มีความเมตตา และมีความรัก ในเพื่อนมนุษย์ มีความเสียสละที่จะเดินทางไปรักษาพยาบาลผู้คนในชุมชนทั่วประเทศ 
5. มีมารยาทดี สามารถเข้ากับบุคคลอื่นได้ทุกระดับ มีความอดทน อดกลั้น และมีความกล้าหาญ 
6. มีความซื่อสัตย์ในวิชาชีพของตนมีคุณธรรมและจริยธรรมทางการแพทย์ ไม่ใช้ ความรู้ทางวิชาการของตนไปหลอกลวงหรือทำลายผู้อื่น 
ผู้ที่จะประกอบจิตแพทย์-Psychiatrist ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้ : ผู้สำเร็จหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายหรือประกาศนียบัตรอื่นที่กระทรวงศึกษาธิการเทียบเท่า และสามารถสอบผ่านวิชาต่างๆ ในการคัดเลือกเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา คือ วิสามัญ 1 คณิตศาสตร์ กข. เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา ภาษาอังกฤษ กข. และความถนัดทางการแพทย์ ตลอดจนการสอบสัมภาษณ์ และการตรวจร่างกาย จึงมีสิทธิเข้าศึกษาแพทย์ โดยมีสถาบันที่เปิดสอนวิชาการแพทย์ระดับปริญญาหลายแห่งในสังกัดทบวงมหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยมหิดล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น ผู้ที่จะเรียนแพทย์จะต้องมีฐานะทางการเงินดีพอสมควร เพราะค่าใช้จ่ายในการเรียนวิชาแพทย์ค่อนข้างสูงและใช้เวลานานกว่าการเรียนวิชาชีพอื่นๆ โดยต้องเสียค่าบำรุงการศึกษา ค่าตำราวิชาการแพทย์ และค่าอุปกรณ์การเรียนต่างๆ 
หลักสูตรวิชาการแพทย์ระดับปริญญาตรีตามปกติใช้เวลาเรียน 6 ปี ในสองปีหลักสูตรการเรียนจะเน้นหนักด้านวิทยาศาสตร์ทั่วไปที่เป็นพื้นฐานสำคัญ ต่อจากนั้นจึงเรียนต่อวิชาการแพทย์ โดยเฉพาะอีก 4 ปี เมื่อสำเร็จได้รับใบอนุญาตประกอบเวชกรรมของแพทยสภามีสิทธิประกอบอาชีพแพทย์ได้ตามกฎหมาย

โอกาสในการมีงานทำ
  อาชีพจิตแพทย์ สามารถรับราชการโดยทำงานในโรงพยาบาล สถานพยาบาล สถานีอนามัยหรือหน่วยงานการแพทย์ของกระทรวง ทบวง กรม ที่จัดขึ้นเพื่อบริการประชาชน และเจ้าหน้าที่ หรือทำงานในโรงพยาบาลเอกชน นอกจากนี้ ยังสามารถทำรายได้พิเศษด้วยการเปิดคลีนิคส่วนตัวเพื่อรับรักษาคนไข้นอกเวลาทำงานประจำได้อีก แนวโน้มของตลาดแรงงานสำหรับจิตแพทย์-Psychiatristยังคงมีอยู่ 
เนื่องจากสังคมในปัจจุบันมีการแข่งขันกันมากและมีความรุนแรงมากขึ้นโดยลำดับ ทำให้เกิดสภาพบีบคั้นทั้งเศรษฐกิจและสังคม จึงมีผลให้เกิดความเครียด มีปัญหาทางด้านจิตใจ ไม่สามารถ แก้ปัญหาด้วยตนเองได้ จึงเกิดสถิติของผู้ป่วยเป็นโรคจิต และการฆ่าตัวตายเพิ่มมากขึ้นรัฐบาลได้ตระหนักถึงสถานการณ์นี้ จึงได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ดูแลป้องกัน และบำบัดรักษา คือจิตแพทย์ นักจิตวิทยา เพื่อช่วยเหลือบริการบุคคลที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองขึ้นที่ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลจิตเวชทั่วประเทศ รวมทั้งการติดตั้งโทรศัพท์สายด่วน สุขภาพจิต ตลอดจนจัดตั้งเว็บไซต์ เพื่อบริการให้ความรู้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต ให้คำปรึกษาแนะนำ และให้แนวทางแก้ปัญหาสุขภาพจิตที่ถูกต้อง จะเห็นได้ว่าความต้องการบุคลากรทางด้านนี้ยังมีอีกมากในยุคปัจจุบัน

โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
  ผู้ประกอบจิตแพทย์-Psychiatrist ที่มีความชำนาญ และประสบการณ์ จะได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งจนถึงระดับ ผู้บริหาร หากมีความสามารถในการบริหาร หรืออาจประกอบธุรกิจส่วนตัวโดยเปิดคลีนิครับให้คำปรึกษาต่อผู้ที่มีปัญหาทางจิตทั่วไป นอกเวลาทำงานเป็นรายได้พิเศษ สำหรับผู้ที่มีความชำนาญและมีทีมงานที่มีความสามารถ รวมทั้งมีเงินทุนจำนวนมากก็สามารถเปิดโรงพยาบาล หรือสถานพักฟื้นในการบำบัดรักษา ผู้ป่วยทางจิตได้ ในประเทศไทยผู้ที่ป่วยทางจิตมักไม่ค่อยนิยมที่จะพบจิตแพทย์โดยตรง แต่อาจจะจัดจ้าง จิตแพทย์ทำงานในลักษณะที่ปรึกษา 
จิตแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทางอาจได้รับการว่าจ้างให้ไปทำงานในโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลหลายแห่ง ทำให้ได้รับรายได้มากขึ้น หรืออาจจะเป็นอาจารย์ในสถาบันการศึกษาที่เปิดสอนทางจิตวิทยาหรือทางจิตแพทย์

อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
  ศัลยแพทย์ อายุรแพทย์ นักพยาธิวิทยา แพทย์ด้านนิติเวช สูตินารีแพทย์

แหล่งข้อมูลอื่น ๆ
  แพทยสภา, สมาคมจิตแพทย์ กรมสุขภาพจิต, กระทรวงสาธารณสุข ศูนย์สุขวิทยาจิต , กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (Child Mental Health Center) การจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย)